หญิงตั้งครรภ์ อ้วกเป็น ‘พยาธิไส้เดือน’ หมอวินิจฉัยมาจากผักสดไม่ปรุงสุก แนะล้างก่อนกิน

หญิงตั้งครรภ์ วัย 27 ปี อาศัยอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล อยู่ๆ อาเจียน พยาธิไส้เดือนตัวใหญ่ ออกมา 2 ตัว จากการสอบประวัติพบว่าเป็นคนชอบทานผักสด

เฟซบุ๊กของโรงพยาบาลดอนสัก ได้โพสต์เผยแพร่ภาพพยาธิไส้เดือน 2 ตัว ขนาดความยาว 10 ซม. และ 15 ซม.ที่ผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์รายหนึ่ง อาเจียนออกมา ระหว่างมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้

นายแพทย์พิรกิจ วงศ์วิชิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอนสัก กล่าวว่า ผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์ วัย 27 ปี อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ เข้ามาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียนเป็นเศษอาหาร 5 ครั้ง ไม่มีอาการถ่ายเหลว

แพทย์จึงให้นอนพักที่โรงพยาบาล ขณะนอนพัก ผู้ป่วยอาเจียน 2 ครั้ง มีสิ่งแปลกปลอมออกมาลักษณะคล้ายไส้เดือน ความยาว 10 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตร แพทย์จึงส่งตรวจห้องปฏิบัติการ พบว่าสิ่งที่ออกมา คือพยาธิไส้เดือน ระยะตัวเต็มวัย

จากการสอบถามประวัติผู้ป่วย พบว่าคนป่วยทานอาหารปรุงสุก และชอบทานผักสดที่ไม่ปรุงสุก จึงสันนิษฐานว่า ผู้ป่วยได้รับพยาธิเข้าสู่ร่างกาย จากการทานผักและผลไม้ ที่ปนเปื้อนไข่พยาธิไส้เดือน ซึ่งปกติพยาธิจะอยู่ตามดินที่ชื้นแฉะหรือในน้ำ

โรงพยาบาลดอนสัก อธิบายวงจรชีวิตของพยาธิไส้เดือนไว้ว่า พยาธิตัวแก่ จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก แย่งอาหารที่ย่อยแล้วในลำไส้กิน ตัวแก่จะมีอายุ 6 เดือนถึง 1 ปี พยาธิตัวเมียจะวางไข่ วันละประมาณ 200,000 ฟอง ออกมากับอุจจาระ ไข่ที่ผสมแล้ว จะเจริญเป็นตัวอ่อนในเวลา 10-21 วัน ถ้าคนกินในระยะนี้จะเป็นระยะติดต่อ ตัวอ่อนที่ถูกกิน จะไซทะลุผนังลำไส้ ไปตามหลอดเลือดดำที่ไปเลี้ยงตับ เข้าสู่ปอด ตัวอ่อนจะเจริญเป็นตัวแก่ในปอด 10-14 วัน ตัวแก่จะไซถุงลม เข้าหลอดลม เข้าคอ และถูกกลืน สุดท้ายจะไปเจริญในลำไส้เล็ก มีอายุได้ 1-2 ปี

ล่าสุด หมอยืนยันว่า ได้ให้ยาถ่ายพยาธิ จนผู้ป่วยอาการดีขึ้นกลับบ้านได้แล้ว ส่วนการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ พบว่าทารกไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ทางทีมแพทย์ให้ได้ยาบำรุงธาตุเหล็กไปแล้ว ป้องกันอาการซีดของเด็กทารกในครรภ์

หมอแนะนำการป้องกันพยาธิไส้เดือน คือต้องหลีกเลี่ยงสัมผัสดิน เพราะจะสัมผัสกับไข่พยาธิ ถ่ายอุจจาระในห้องน้ำ อย่างถูกสุขลักษณะ กำจัดผ้าอ้อมอย่างเหมาะสม ล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานและเตรียมอาหาร ล้างผักผลไม้อย่างถูกวิธี

สุดท้ายคุณหมอเน้นย้ำว่า ตื่นตัวแต่อย่าตื่นตระหนัก เพราะเหตุการณ์แบบนี้เจอน้อยมากๆ ในปัจจุบัน สำคัญที่สุด คือ กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LIRZjzJATms