'บิ๊กโจ๊ก' เผยแจ้งข้อหา 'อดีตสามีแอม' ร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน

อดีตสามีนางสรารัตน์ หรือแอม ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน หลังพบว่าเป็นผู้นำทรัพย์สินของผู้ตาย ไปซ่อนไว้ ก่อนจะถูกส่งต่อไปให้กับ เพื่อนสนิทของนางสรารัตน์ ที่จ.เพชรบุรี ทั้งที่ขณะนั้นเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ย่อมทราบว่าทรัพย์สินผู้ตายเป็นของกลาง กลับไม่นำมามอบให้พนักงานสอบสวน ขณะที่พันตำรวจเอกวิฑูรย์ ให้การปฏิเสธ



พันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรองผู้กำกับสอบสวน สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และอดีตสามีของนางสรารัตน์ หรือ แอม เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184 หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนพบพยานหลักฐานที่เชื่อว่าพันตำรวจโทวิฑูรย์ เป็นผู้ก่อเหตุ โดยข้อหาที่ถูกแจ้งเพิ่มวันนี้ เกิดในท้องที่ซึ่งพันตำรวจโทวิฑูรย์เคยดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับ ซึ่งพบว่าพันตำรวจโทวิฑูรย์ นำกระเป๋าของนางสาวศิริพร หรือก้อย ผู้เสียชีวิต ไปซ่อนไว้ก่อนสุดท้ายถูกส่งไปที่นางสาวแก้ว เพื่อนสนิทของนางสรารัตน์ ในจังหวัดเพชรบุรี



โดยตำรวจได้คุมตัวพันตำรวจโทวิฑูรย์ มาในห้องประชุม ก่อนที่จะพาไปขึ้นห้องสอบสวนบนชั้น 3 ของอาคารกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยพันตำรวจโทวิฑูรย์ ไม่ยอมตอบคำถามของสื่อมวลชน ถึงการนำกระเป๋าของผู้ตายไปซุกซ่อน และส่งต่อไปยังเพื่อนของนางแอม รวมถึงการถูกเชิญเข้าไปพูดคุยกับนางสาวแอมในเรือนจำ หลังจากนั้นตำรวจคุมตัวพันตำรวจโทวิฑูรย์เข้าไปในห้องสอบสวนทันที ซึ่งมีพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 และกองปราบปราม ร่วมกันสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ก่อนจะปล่อยตัวกลับไป เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง



สำหรับกำหนดการที่จะเข้าพบนางสาวแอมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อสอบปากคำในวันพรุ่งนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่าต้องดูพยานหลักฐานสำนวนคดีของตำรวจภูธรภาค 7 ก่อนว่าจะมีส่วนไหนที่จะเข้าไปถามข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ ส่วนการให้การของนางสาวแอมนั้น ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อ แต่ก็มีข้อเท็จจริงในเรื่องของการที่รับว่านำไซยาไนด์ไปมอบให้ และไม่เชื่อว่านำมาไซยาไนด์มาจากนายแด้ ตำรวจยืนยันดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มีอยู่



ขณะการสอบสวนแม่ของนางแอม รวมถึงน้องสะใภ้ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งกระเป๋าไปให้นางสาวแก้ว ในเบื้องต้น ทั้งสองให้การว่าไม่ทราบว่าของภายในกล่องพัสดุคืออะไร จึงไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วนความคืบหน้าด้านการตรวจสอบเส้นทางการเงินทางธนาคารจะส่งข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น



ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี 4 -5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในฐานะพยาน ซึ่งสำนวนคดีจะสรุปสำนวนได้ ในสัปดาห์หน้า ทั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 14 คดี และข้อหาพยายามฆ่าอีก 1 คดี โดยพบว่าแผนประทุษกรรมเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงที่มาของแต่ละคดีว่ามีความเชื่อมโยงกันเพื่อ ส่งให้อัยการพิจารณาการสั่งฟ้องในชั้นศาลต่อไป