ข่าวโซเชียล

สาวแชร์เหตุผลลาออกข้าราชการครู สู่การเป็นชาวสวนเต็มตัว หลังทำงานมาเกือบ 11 ปี

โดย chutikan_o

2 พ.ค. 2566

2.6K views

สาวโพสต์แชร์ 5 เหตุผลลาออกข้าราชการครู หลังทำงานเกือบ 11 ปี มาเป็นชาวสวนเต็มตัว แจงไม่มีเวลาให้กับการทำสวนหรือการพักผ่อน



โซเชียลแห่แชร์ โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sunsanee Wonghong ที่ออกมาเล่าถึงการลาออกจากราชการครู หลังทำงานมากว่า 10 ปี 8 เดือน 24 วัน พร้อมบอกถึงประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน และสิ่งที่ภาคภูมิใจในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงเล่าสาเหตุของการลาออกจากอาชีพครู ระบุว่า คำถามที่หลายคนคงถามตรงกันคือ ลาออกทำไม?


ในช่วงแรกที่ตัดสินใจบอกคนอื่นน้อยมาก เพราะงานเยอะยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครนัก พอเวลาผ่านไปก็เริ่มบอกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเพื่อให้เขาได้เตรียมวางแผนก่อนที่เราจะออก


ลาออกทำไม... ขอตอบในส่วนที่อยากตอบและอยากสื่อสาร จะได้เข้าใจตรงกันว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน


1.ชีวิตการเป็นครูในปัจจุบันนั้นเหนื่อยและหนักหนามาก สมกับคำว่า “คุรุ” ที่แปลว่า หนัก ตั้งแต่รับราชการมา ไม่เคยมีคำว่าสบาย ใครที่บอกอาชีพครูสบายนี่อยากให้มาลองเลย


2.เธอไม่ได้เป็นครูอย่างเดียว เป็นชาวสวนด้วย และเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ เดิมจันทร์-ศุกร์ กลางวันและกลางคืนทำงานโรงเรียน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆ ทำงานสวน แต่ปัจจุบันพบว่างานโรงเรียนได้กลืนกินชีวิตเธอไปทั้งหมดแล้ว แทบไม่มีเวลาให้กับสวนหรือการพักผ่อนเลย เสาร์-อาทิตย์ กลางวันกลางคืนยังนั่งพิมพ์งานแง็กๆ อยู่หน้าคอม งานโรงเรียนหลอกหลอนทั้งวันทั้งคืน ช่วงเวลาสำคัญของสวนเช่นการแต่งลูกและการขายมันเป็นดีลสำคัญมาก แต่ก็มาไม่ได้ต้องไปโรงเรียน




3.เหตุผลจากข้อ 1 เริ่มทำให้เธอเริ่มกินข้าวไม่ตรงเวลาจนถึงไม่ได้กินข้าวเที่ยงหลายครั้ง ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเลย และเมื่อต้องทำสวนด้วยแน่นอนว่าคำว่าพักผ่อนจึงไม่มีบนโลกของเธอ เป็นครูก็หนัก ทำสวนก็หนัก ร่างกายและจิตใจก็เริ่มพังเรื่อยๆ คนที่ทำอาชีพครูอย่างเดียว หรือทำสวนอย่างเดียวจึงอาจไม่เข้าใจ


4.ความคิดว่าจะลาออกไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่าปีแล้วแค่ไม่ได้พูดกับใครเยอะ อยู่ๆ เป้าหมายของชีวิตก็คือการลาออกเฉย ถามว่าทำไม? เราเบื่อระบบหลายๆ ตรงที่มันทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เป็นระบบที่บ้าเอกสารมาก ต้องปั่นเอกสารหนาๆ เยอะมาก แต่ไม่ได้มีใครอ่านหรอก ดูแค่ว่าปกคืออะไรหนาไหม ส่งยัง จบ!! แล้วก็เบื่อวิถีของครูที่บ้าการแข่งขัน ไม่อยากแข่งก็ต้องแข่ง เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เพื่อให้มีผลงาน เด็กบางกลุ่มบางคนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะแข่ง ศปหถก. เอาจริงๆ นะส่งครูแข่งเถอะ หมดงบกันไปเท่าไหร่ ความรู้สึกส่วนตัวมองว่า เรากำลังหลงทางกันหรือเปล่า สิ่งที่เราควรโฟกัสคือการสอนในห้อง งานสอนมันต้องมาลำดับ 1 ไม่ใช่งานพิเศษ ไม่ใช่งานอื่น และก็มีอีกหลายประเด็นที่คนเป็นครูก็รู้กันดี การรอให้อายุราชการครบ 25 ปีแล้วค่อยลาออก สำหรับเธอจึงเป็นไปได้ยากมากๆ


5.สุดท้ายก็ตกตะกอนว่า... การรับราชการครูดีนะ เธอภูมิใจที่ได้รับราชการครู เงินเดือนดีกว่าราชการอื่นๆ มีสวัสดิการให้นั่นนี่ แต่สิ่งที่ต้องแลกคือสุขภาพกาย ใจ เวลา ชีวิต ที่ต้องทุ่ม ณ ตอนนี้เริ่มมองว่ามันไม่คุ้ม ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้วกับครูที่ไม่ทำงาน เราเป็นคนทำอะไรจริงจังและทุ่มเท การให้เราค่อยๆ ลดงานจนเป็นครูที่ไม่ทำงาน ไม่ใช่วิถีของเธอ ...อาชีพครูก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันแค่ไม่เข้ากันกับสิ่งที่เราเป็นในปัจจุบันแล้ว ในอดีตเป้าหมายของชีวิตคือการเติบโตในชีวิตราชการ แต่ปัจจุบันความคิดเปลี่ยนไป เป้าหมายของชีวิตเราคือการได้ใช้ชีวิต มีสุขภาพกายใจที่ดี และมีเวลากับครอบครัว





จากเหตุผลทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันก็มาประจวบเหมาะกับจังหวะของครอบครัว สวนที่ต้องการการดูแล แม่ก็เริ่มสุขภาพไม่ดี คิดว่าการทุ่มเทชีวิตให้กับครอบครัวมันเป็นเรื่องที่ดีกว่า เสียดายอยู่สองอย่างคือ การไม่ได้สอนนักเรียนแล้วเพราะเราชอบสอน และจะต้องห่างออกมาจากมิตรภาพของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักมากๆ


สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดจะลาออกก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดี คำถามที่ต้องตอบให้ได้คือ


1. ลาออกแล้วจะไปทำอะไร มีรายได้มาจากไหน จะใช้ชีวิตอย่างไร


2. ต้องถอดยศถาบรรดาศักดิ์กลายมาเป็นคนธรรมดา รับได้หรือไม่


3. เมื่อไม่ได้รับสิทธิราชการของเราแล้ว เราจะดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร


4. ก่อนออกต้องศึกษาว่าเราจะได้สิทธิอะไรจากราชการบ้าง และวางแผนให้ดี


5. ดูเงื่อนไขการลาออกด้วยว่าอยู่ในเงื่อนไขเหล่านี้หรือไม่ ต้องไม่อยู่ในช่วงลาศึกษาต่อ ใช้ทุน อยู่ระหว่างถูกสอบวินัยหรือคดี ที่สำคัญถ้ามีหนี้ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน


6. ยื่นคำร้องขอลาออกไม่น้อยกว่า 30 วันต่อผู้บังคับบัญชา


หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้เข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากในโลกโซเชียล

คุณอาจสนใจ

Related News