‘เศรษฐา’ ประกาศชัด ‘เพื่อไทย’ ไม่จับมือ พปชร.-รทสช. เหตุมีส่วนทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจประชาชน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 เวลา 18.30 น. บรรยากาศเวทีปราศรัยที่ 2 ของจังหวัดเลย ที่อำเภอวังสะพุง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ประกาศชัดเจนเป็นครั้งแรก ว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะทั้งสองพรรคนี้มีส่วนทำรัฐประหารปล้นอำนาจจากประชาชน และย้ำว่าพรรคเพื่อไทยต้องการเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว

“มีคำพูด มีคำถามตลอด พรรคเพื่อไทยจะไปร่วมกับเขา พี่น้องอยากให้ไปร่วมหรือไม่ พอแล้ว 8 ปีที่ผ่านมา ยืนยันชัดเจนว่าไม่จับมือกับสองพรรคนี้ เพราะ 2 พรรคนี้มีส่วนร่วมในการทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจอธิปไตยประชาชน เราเป็นเรือ เขาเป็นเรือเล็กอยู่ข้างๆ ไม่ต้องมาอยู่ข้างๆ ต่างคนต่างอยุ่ ไม่ร่วมกันแน่นอน “

พรรคเหล่านี้เวลามาหาเสียงจะบอกตลอดว่าจะลดค่าไฟ ลืมไปหรือไม่ว่าปัจจุบันเป็นรัฐบาลอยู่ ถ้าทำได้ทำไมไม่ทำเลย ตนทราบพี่น้องชาวอีสานมีความเดือดร้อนเรื่องพลังงาน เรื่องค่าไฟฟ้า แต่วันนี้มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของพรรคเพื่อไทยมาด้วย เพื่อมาสร้างความมั่นใจว่า ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลราคาพลังงานลงทันที

และนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคเกษตรกรรมถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเพราะมีจำนวนคนเยอะที่สุด แต่พี่น้องประชาชนยังอยู่ในวังวนของความยากจน ทั้งที่รัฐบาลนี้อยู่ในอำนาจมา 8 ปีมีความต่อเนื่องในการทำนโยบายต่างๆ แต่หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจเป็นรัฐบาล ภายใน 4 ปีรายได้ประชาชนจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า เพราะเพื่อไทยมีนโยบายนำเสริมด้วยนวัตกรรม

ขณะที่ปัญหาที่ดินทำกินก็เกี่ยวข้องกับปัญหาเกษตรกรรม บางคนมีที่ดินแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ อยากมีโฉนด อยากเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ พรรคเพื่อไทยจะนำเอกสารสิทธิ์มาให้ประชาชน 50 ไร่ ให้มีที่ดินทำกิน แล้วปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งก็จะต้องไม่เกิด เพราะจะมีการทำชลประทาน 15 ล้านไร่ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ทำให้มีปัญหาภัยแล้ง

พร้อมย้ำนโยบายดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งหลายพรรคกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอด รัฐบาลเพื่อไทยมา ความจนต้องหมดไป แต่พี่น้องประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรคยกจังหวัดให้แลนด์สไลด์