อาชญากรรม

ตำรวจย้ำทำคดี ‘เน็ตไอดอล - นร.เตรียมทหาร” เสียชีวิตตรงไปตรงมา ไม่มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง

โดย JitrarutP

20 เม.ย. 2566

43 views

ตำรวจย้ำ คดี “เน็ตไอดอล – นักเรียนเตรียมทหาร” เสียชีวิตกลางคอนโดหรู เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอิทธิพลใดเข้ามาเกี่ยวข้อง

ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุถึงความคืบหน้าคดีพบร่างเน็ตไอดอลชื่อดัง “จีจี้” หรือ นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ และ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านอโศก-เพชรบุรี ว่า คดีนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตร แล้วต้องเอามารวมกับหลักฐานต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน-ทิศทางกระสุน รวมถึงแวดล้อมต่างๆ

เบื้องต้นจากการที่ พฐ. ได้ตรวจดูทิศทางกระสุน คาดว่า ฝ่ายชายน่าจะเป็น “คนก่อเหตุ” แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอทาง พฐ. สรุปวิถีกระสุนก่อน ส่วนภาพกล้องวงจรปิด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่าละเอียด แต่เท่าที่ย้อนเวลากลับไปดูไทม์ไลน์ เบื้องต้นมีข้อมูลจากเพื่อนของฝ่ายหญิงว่า ทั้งคู่ได้ไปเที่ยวพัทยากันในช่วงวันสงกรานต์ ก่อนจะกลับเข้ามายังที่พัก แต่ในส่วนวันที่ 18-19 เมษายนที่ผ่านมานั้น ยังไล่ภาพกล้องวงจรปิดกันอยู่ โดยห้องพักแห่งนี่เป็นของฝ่ายหญิง ซึ่งในช่วงขากลับเข้าห้องพักแล้ว ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะไม่ค่อยสื่อสารกับเพื่อน เพราะเพื่อนจะไม่สนิทและไม่ค่อยลงรอยกับฝ่ายชาย จึงไม่แน่ชัดว่า ช่วงวันที่กลับเข้ามาที่ห้องพัก ทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เข้า-ออกไปไหนกันอีกหรือไม่

โดยหลังจากเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิด และผลสรุปของแพทย์แล้ว จะนำไปประกอบกับข้อมูลของทางนิติคอนโด การติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ข้อมูลแวดล้อม โดยเฉพาะครูของฝ่ายชาย เพื่อที่จะเอามาเชื่อมโยงข้อมูลการก่อเหตุ พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน และขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รวมถึงยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีตัวละครเพิ่มหรือไม่ ส่วนเบื้องต้นจากการชันสูตรศพของแพทย์ พบว่า ทั้งคู่เสียชีวิตมาประมาณ 8-24 ชั่วโมง

ส่วนประเด็นเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่า เป็นของฝ่ายชาย โดยจากเท่าที่ตรวจสอบน่าจะเป็นของคนในครอบครัวของฝ่ายชาย และเป็นปืนที่ใช้ในอาชีพข้าราชการ เบื้องต้นฝ่ายชายเองก็ไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้อยู่แล้ว เพราะในทางกฎหมายผู้ที่ครอบครองปืนได้ในวัยเท่านี้จะต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน ส่วนเจ้าของปืนจะมีความผิดหรือไม่ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องไปในเรื่อง ของความประมาทหรือไม่ แต่กฎหมายยังไม่ได้ระบุ พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ทำทุกอย่างในกรอบกฎกติกาของกฎหมาย



ด้านพล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทั้งผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จาก พฐ. โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน ซึ่งได้เน้นย้ำไปแล้วว่าขอให้เร่งรัดในการดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจ เพื่อให้ได้ความกระจ่างชัด



โดยเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตฝ่ายชาย คาดว่าถูกฝังอยู่ในศีรษะ แต่ต้องรอความชัดเจนจากผลแพทย์อีกครั้ง



เมื่อสอบถามว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ สรุปแล้วเป็นของใคร รวมถึงจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าออกห้องช่วงเกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร ระบุว่า ข้อมูลส่วนนี้ อยู่ในสำนวนคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่บอกได้เพียงว่า คอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ เป็นคอนโดมิเนียมหรูราคาแพงที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี



ส่วนเมื่อวานนี้ที่ทางญาติของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงได้เดินทางมาที่ สน.มักกะสัน นั้น ก็ได้เซ็นเอกสารไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่ในกรณีนี้หมายถึงไม่ติดใจสาเหตุทางการตรวจพิสูจน์ว่าเสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิง เพื่อที่จะสามารถรับร่างจากโรงพยาบาลไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ แต่จะติดใจสาเหตุของการถูกยิงหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งเมื่อวานทางญาติก็ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ถ้าญาติเชื่อว่ามีบุคคลที่ทำให้จีจี้เสียชีวิต จะสามารถฟ้องร่วมกับอัยการได้หรือไม่”



พล.ต.ต.อัฏธพร เน้นย้ำว่า คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ลงมาสั่งการด้วยตนเอง ยืนยันได้ว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องของอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะทำตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นหลัก ทั้งหัวกระสุน คราบเขม่าดินปืน และกล้องวงจรปิด



ส่วนพยานบุคคลนั้น จากการสอบถามเบื้องต้นยังไม่พบผู้ที่ทราบเหตุการณ์ เนื่องจากห้องที่เกิดเหตุ อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และเมื่อเปิดห้องเข้าไปก็จะมีห้องโถงก่อน แล้วมีห้องนอนอยู่ชั้นในเข้าไปอีก ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอน อีกทั้งปืนที่ใช้ก่อเหตุ คือปืน SIG SAUER (ซิก ซาวเออร์) ซึ่งเป็นปืนที่มีเสียงเบากว่าปกติ เบากว่าประทัด ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนขณะยิง โดยจากการสอบถามนิติบุคคลคอนโดมิเนียม ก็บอกว่าไม่ได้รู้จักลูกบ้าน สามารถให้ข้อมูลได้แค่ไฟล์กล้องวงจรปิด

คุณอาจสนใจ