อาชญากรรม
เปิดแชท ‘จีจี้’ เน็ตไอดอลสาว เคยถูกทำร้าย-ปืนจ่อหัว ก่อนพบเป็นศพ ถูกยิงดับพร้อมแฟนหนุ่มลูกนายพล
โดย petchpawee_k
20 เม.ย. 2566
6.2K views
สุดช็อก เน็ตไอดอลสาว “น้องจีจี้” ถูกยิงดับปริศนาพร้อมแฟนหนุ่มลูกนายพล พ่อน้องจีจี้เผยสงสัย นำปืนมาจากไหน เชื่อลูกสาวคงถูกทรมานก่อนเสียชีวิต ด้านน้องสาวระบุ ฝ่ายชายอารมณ์ร้อน ทำร้ายพี่ประจำ หนักสุดเคยเอาปืนจ่อหัว ไม่คิดจะยิงพี่สาว อยากถาม “ทำพี่ทำไม”
วานนี้ (19 เม.ย.) เกิดเหตุสะทือนใจ กับกรณี การเสียชีวิตของ น้องจีจี้ หรือ น.ส.สุพิชชา ปรีดาเจริญ อายุ 20 ปี เน็ตไอดอล และอินฟลูเอนเซอร์ ชื่อดังถูกยิงเสียชีวิตในคอนโดแห่งหนึ่งย่านอโศก พร้อมกับ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 2 ซึ่งเป็นลูกชายของ พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เนื่องจากขาดคุณสมบัติจากการปกปิดการถูกดำเนินคดี
ซึ่งทั้งคู่ พักอาศัยที่ชั้น 14 โดยห้องนี้เป็นห้องของน้องจีจี้ พบว่า ร่างของน้องจีจี้ และแฟนหนุ่ม นอนใกล้เคียงกัน ในห้องนอน มีกองเลือดจำนวนมาก จากการตรวจสอบ พบ ร่างของน้องจีจี้ ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และร่างของ นตท.ภูมิพัฒน์ ถูกยิงที่ขมับ ข้างๆ พบอาวุธปืนแบบออโตเมติกตกอยู่ 1 กระบอก ทั้งสองคน เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มี ใครรู้ว่ามีการยิงกันภายในห้องดังกล่าวจนเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมง ทั้งคอนโดไม่มีใครได้ยินเสียงปืน และไม่มีใครรู้ว่ามีการเสียชีวิตเกิดขึ้น
จนกระทั่ง คุณแม่ของน้องจีจี้พยายามติดต่อลูกสาวแต่ติดต่อไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ตลอดทั้งวันติดต่อน้องจีจี้ไม่ได้จึงเข้าใจว่าลูกสาวติดงานหลังจากนั้นวันที่ 19 เมษายนจึงโทรหาลูกสาวอีกครั้ง ทุกช่องทาง แต่ทั้งไลน์ Facebook และโทรปกติ โทรติดทุกช่อบทางแต่ไม่มีใครรับสาย แม่จึงเริ่มเอะใจและติดต่อเพื่อนสนิทของน้องจีจี้ เดินทางไปที่คอนโดของน้องจีจี้ โดยคุณแม่มีคีย์การ์ดและรหัสเข้าห้องเมื่อไปถึงภายในห้องคุณแม่และเพื่อนเปิดประตูห้องเข้าไปก็ถึงกับช็อกเพื่อนยืนรออยู่หน้าห้อง ส่วนคุณแม่เข้าไปในห้อง ก็ร้องไห้โฮ และขอความช่วยเหลือ แจ้งทางนิติ และตำรวจ
ทีมข่าวได้สอบถามเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ให้ข้อมูล กับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่าคุณแม่ของน้องจีจี้ได้ติดต่อมาหา บอกว่า ติดต่อน้องจีจี้ไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นห่วงลูกพ่อไม่เคยขาดการติดต่อกับน้องจีจี้ ช่วงบ่าย จึงนัดกับคุณแม่เดินทางมาที่คอนโดและขึ้นไปที่ห้องของน้องจีจี้ โดยคุณแม่มีรหัส และคีย์การ์ดสามารถเข้าคอนโดของน้องจีจี้ได้
“ทันทีที่เปิดเข้าไปเพื่อนคนนี้เล่าว่าเป็นนาทีที่ช็อคและสลดใจมากเห็นร่างของเพื่อนนอนจมกองเลือดเสียชีวิตส่วนฝ่ายชายก็นอนอยู่ข้างกันแม่ร้องไห้โฮ”
จากนั้น พ่อแม่ฝ่ายชายก็ตามมา และแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมทั้งตำรวจพิสูจน์หลักฐานโดยพลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเดินทางมาตรวจสอบเหตุการณ์ด้วยตนเอง
เพื่อนของน้องจีจี้ เล่าถึงความสัมพันธ์ของน้องจีจี้กับ แฟนหนุ่ม ว่า น้องจีจี้ เคยคบกับแฟนหนุ่มคนนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและก็พบว่ามีปัญหาเพราะฝ่ายชายอารมณ์ร้อนและเคยทำร้ายร่างกายน้องจีจี้ทำให้ต้องเลิกรากันไปช่วงนั้น เพื่อนก็สบายใจที่เห็นเลิกลากับชายคนนี้
หลังจากนั้นก็พบว่ากลับมาคบกันอีกครั้งเพื่อนๆก็เคารพการตัดสินใจนะหว่างคนสองคน และชายหนุ่มคนนี้ยังเป็นแฟนคนแรกของน้องจีจี้ โดยฝ่ายชายก็ยืนยันว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ เพื่อนๆเห็นว่าเป็นเรื่องของคนสองคน จีจี้ก็บอกกับเพื่อนว่าแฟนหนุ่มคนนี้เปลี่ยนไปแล้วไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนแต่ก่อนจนกระทั่งมาเกิดเหตุถูกยิงเสียชีวิต และจากการตรวจสอบด้วยสายตา ในห้องที่เกิดเหตุ เชื่อได้ว่าไม่ได้มีบุคคลที่สามเข้ามาทำให้น้องจีจี้และแฟนหนุ่มเสียชีวิต
ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนเตรียมทหารได้มีการปล่อยให้นักเรียนเตรียมทหารได้กลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในวันที่ 18 เมษายน ถือเป็นวันเปิดเรียนวันแรกที่ให้นักเรียนเตรียมทหารมารายงานตัว แต่ปรากฏว่า นตท.ภูมิพัฒน์ ไม่ได้เดินทางกลับเข้าโรงเรียนและรายงานตัวตามระเบียบ
กระทั่งวานนี้ (19 เม.ย.) ทางผู้ปกครองและกลุ่มเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารก็ยังไม่สามารถติดต่อ นตท.ภูมิพัฒน์ ได้ รวมทั้งโทรศัพท์หาก็ปรากฏว่าไม่รับสาย จนกระทั่งมาทราบว่าเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
โดยมีรายงานว่า นตท.ภูมิพัฒน์ ถือว่าเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี และได้รับการยกย่องไว้วางใจจากเพื่อนในรุ่นเดียวกันให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 65
--------------------------------------------
ขณะที่ พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า สภาพศพของผู้เสียชีวิต ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ ใกล้กัน พบศพฝ่ายชายที่เป็นนักเรียนเตรียมเหล่าทหารบก นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา เหล่า ทบ.ประธานรุ่นเตรียมทหารปี 2 มีร่องรอยถูกยิงที่ศีรษะ นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องเดียวกัน พร้อมพบปืนแมกกาซีน ตกอยู่ในห้อง และปลอกกระสุน 2 นัด เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้ตรวจสอบ และตรวจหาเขม่าดินปืน เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด หรือบุคคลที่สาม
ผบช.น. ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิด ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เบื้องต้น จากการสอบถามกับเพื่อนผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง ทราบว่า ติดต่อฝ่ายหญิงไม่ได้มาแล้ว 1 วัน จึงเดินทางมาตรวจสอบที่ห้องพัก ก่อนพบศพ ส่วนความสัมพันธ์ และความขัดแย้งของทั้งสองคนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ สภาพในห้องที่เกิดเหตุมีเนื้อที่ไม่มากนัก และมีฉากกั้นห้อง ซึ่งเป็นห้องพักของฝ่ายหญิง ค่อนข้างเก็บเสียง ทำให้ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครทราบ รวมทั้งทั้งสองคนเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 วัน หลังจากนี้จะต้องนำศพส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
----------------------------------------------------
ครอบครัวน้องจีจี้เข้าให้ปากคำตำรวจพ่อคาใจ เหตุใดแฟนหนุ่มอายุยังน้อยจึงมีอาวุธปืนมาใช้ก่อเหตุเชื่อน้องจีจี้คงทรมานก่อนจะถูกยิงทำใจไม่ได้ รอดูการดำเนินการของตำรวจหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะร้องเรียนสื่อมวลชน ด้านน้องสาวเล่าทั้งน้ำตา เสียใจพี่สาวจากไปเร็ว ไม่คิดแฟนหนุ่มจะก่อเหตุจนเสียชีวิต ตอนมีชีวิตก็ทำร้ายหนักสุดใช้ปืนจ่อหัวข่มขืน
ช่วงค่ำ พ่อแม่ ของน้องจีจี้ เน็ตไอดอลสาวเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน โดยคุณพ่อ (เสื้อลายสกอตฟ้า) อายุ 58 ปี ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ให้ข้อมูลว่า พ่อยังทำใจไม่ได้และรักลูกสาวคนนี้มาก จากการตรวจสอบในห้องไม่พบว่ามีข้าวของกระจัดกระจายจึงเชื่อได้ว่าไม่มีบุคคลที่สามเข้าไปทำให้ลูกเสียชีวิต เชื่อว่าคนที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตคือแฟนหนุ่มโดยก่อนที่จะเสียชีวิตนั้นก็เชื่อได้ว่าลูกสาวตนเองคงทรมานและเจ็บปวดมาก
โดยที่พ่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการนำร่างของลูกสาวห่ออยู่ในถุงซิปเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้ดูเฉพาะช่วงใบหน้าเห็นรอยกระสุนบริเวณขมับ 2 นัด
สำหรับลูกสาวไม่เคยบ่นหรือระบาย หรือแสดงอาการเครียดใดๆให้พ่อทราบ ลูกสดใสดี ส่วนชายที่เสียชีวิต พ่อไม่เคย เห็นมาก่อน รู้แค่ว่าเคยคบหากับลูก แล้วก็เลิกรากันไป ก่อนลูกสาวจะย้ายคอนโด หนีมาอยู่ที่คอนโดที่เกิดเหตุ “ที่ผ่านมาพ่อไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลาจึงไม่เคยรู้ว่า ลูกถูกผู้ชายคนนี้ทำร้ายร่างกายมาตลอดจนกระทั่งมาทราบเมื่อลูกเสียชีวิตแล้ว”
เมื่อถามถึงเรื่องคาใจการเสียชีวิต ของน้องจีจี้หรือไม่ คุณพ่อบอกว่า “ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูก โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ฝ่ายขายใช้ ซึ่งเป็นแค่นักเรียนเตรียมทหาร แต่ทำไมถึงมีอาวุธปืน” ที่คุยโทรศัพท์กับลูก ล่าสุดวันที่ 17 เมษายน บอกว่า เตรียมจะโอนเงินให้ค่าเช่าคอนโดให้ลูกสาวจำนวน 20,000 บาท ซึ่งจะโอนวันที่ 19 นี้ แต่คือวันที่ลูกเสียชีวิต ซึ่งในวันที่คุยโทรศัพท์กับลูก ลูกไม่มีท่าที เครียดหรือกังวลอะไร ทุกอย่างเป็นปกติ
ขณะที่น้องสาว ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ตนเองกับพี่สาวไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันเพราะตนเองอยู่ที่บ้านกับพ่อและแม่ส่วนพี่สาวอยู่ที่คอนโดก็จะโทรศัพท์พูดคุยกันเป็นประจำหรือแชท LINEโดยจะเรียกพี่สาวว่าเจ้
ที่ผ่านมาพี่สาว เคยเล่าให้ฟังว่าเคยถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายจนใบหน้ามีรอยฟกช้ำบ่อยครั้งและครั้งที่หนักสุดเคยคือแฟนหนุ่ม ใช้อาวุธปืนจ่อที่หัว ข่มขู่ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ตกใจแล้วก็บอกพี่สาวว่าไม่อยากให้คบกับผู้ชายคนนี้
เมื่อถามพี่สาวว่าทำไมแฟนหนุ่มต้องทำร้ายถึงขนาดนี้ “พี่สาวก็บอกว่าเค้าเป็นคนใจร้อนอารมณ์ร้อนไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงต้องทำร้ายถึงขนาดนี้หากเป็นลูกผู้ชายและรักแฟนตัวเอง ทำไมต้องทำให้เขาเจ็บและทรมาน”
น้องสาว บอกว่า เมื่อรู้ว่าพี่สาว เลิกกับแฟนคนนี้ก็โล่งใจ แต่ก็มารู้ว่า กลับมาคบกันใหม่ได้ไม่นาน โดยพี่สาวบอกกับตนว่า “แฟนหนุ่มคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว”
ตนยอมรับ ห่วงพี่สาวที่ต้องคบกับผู้ชายคนนี้ แต่หลังจากกลับมาคบกันอีกครั้ง ก็ไม่พบว่าามีการทำร้ายร่างกายพี่สาวอีก และในช่วงวันสงกรานต์พี่สาวก็ยังไปเล่นน้ำกับแฟนหนุ่มคนนี้ตามปกติจนกระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เชื่อว่าพี่สาวคงทรมานและได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะเสียชีวิต
“อยากถามว่าทำพี่สาวตนทำไมเพราะพี่สาวเป็นคนดี ทำงานตั้งแต่อายุ 14 ปีและมีความใฝ่ฝันว่าจะเลี้ยงดูครอบครัวให้ทุกคนสบาย”
ผลงานที่พี่สาวชื่นชอบมากที่สุดคือการเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งแต่งหน้าแล้วพี่สาวดูเปลี่ยนเป็นคนละคน และพี่สาวเป็นคนชอบแต่งหน้าและแต่งตัวสวยมีแฟนคลับ และเพื่อนๆ ชื่นชม เพราะว่าพี่สาวตนเองนิสัยดีและตั้งใจทำงานมาตลอด
“แต่ในวันนี้ไม่มีพี่สาวอีกแล้วพี่สาวจากไปเร็วมาก ซึ่งยังไม่ถึงเวลาที่พี่สาวจะต้องเสียชีวิตแต่กลับต้องมาเสียชีวิต ในช่วงที่มีชีวิตก็ถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนและพี่สาวรู้กันมาตลอดแต่ไม่ได้บอกพ่อเพราะเกรงว่าพ่อจะไม่สบายใจพี่สาวจะเป็นคนที่ห่วงความรู้สึกของคนในครอบครัวมากจะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตนเองและมีอะไรก็จะคุยกันสองพี่น้อง
ช่วงที่เล่าข้อมูลให้กับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ฟังน้องสาวก็ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เสียใจอย่างมากจนทำให้คุณแม่ต้องพาน้องสาวกลับบ้านก่อนเพราะเกรงว่าจะเครียดและสะเทือนใจ
ทั้งนี้ในวันนี้ 20 เม.ย. ครอบครัวของฝ่ายหญิงจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใหญ่ จ.นครปฐม
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจได้เชิญพ่อแม่น่องจีจี้ ไปสอบปากคำ ทีมข่าวสอบถามพ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สน.มักกะสัน ไม่สามารถให้ข้อมูลคดีนี้ได้ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ใครเป็นก่อเหตุ หรือมีบุคคลที่ 3 เกี่ยวหรือไม่ ซึ่งตามหลักเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องให้ข้อมูลเนื่องจากผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงเป็นบุคคลสาธารณะและมีแฟนคลับหลายคนที่รัก แต่ผู้กำกับบอกว่า ทุกคนเสียใจ ตำรวจก็เสียใจ ไม่สะดวกให้ข้อมูล
---------------------------------------------------
ขณะที่ในโซเชียลมีเดีย แฮชแท็ก #เรื่องของจี้ พุ่งติดอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ โดยมีแฟนคลับคอมเมนต์แสดงความอาลัยต่ออินฟลูเอนเซอร์สาว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลจนขณะนี้ได้ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ ทั้งในแง่ความปลอดภัยและความเป็นธรรมต่อฝ่ายหญิง รวมถึงข้อสงสัยต่อเจ้าหน้าที่จากการไม่เปิดเผยชื่อของฝ่ายชายที่เป็นเป็นลูกอดีตนายทหารระดับสูง ขณะที่ให้ข้อมูลเน็ตไอดอลสาวอย่างครบถ้วน โดยระบุว่า ผู้ก่อเหตุคือ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา อายุ 18 ปี ลูกชาย พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา อดีต ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นนักเรียนเตรียมทหาร
ต่อมาผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายรายต่างแห่แชร์ภาพและคลิปวิดีโอจากเฟสบุ๊คของ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา ซึ่งจะเห็นว่า มีการอัดคลิปวิดีโอการฝึกการใช้อาวุธทั้งปืนสั้นปละแนยาวเป็นประจำประกอบกับมีการถ่ายภาพนิ่งอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนจำนวนหลายรูปลงในโซเชียล ขณะที่ชาวโซเชียลต่างตั้งข้อสังเกตุว่าอายุ18 และเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ทำไมถึงมีอาวุธปืนรุนแรงไว้ใช้ติดตัว
ขณะที่บางโพสต์ของ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา ได้มีการระบุข้อความไว้ด้วยว่า ตั้งแต่เข้าวงการนี้มา ความสนุกที่สุดคือการได้ป้ายยาเพื่อน ขอบคุณครับ ซึ่งชาวโซเชียลต่างเข้าไปแสดงความกังวลว่าแบบนี้ในวงการนักเรียนเตรียมทหารหลายคนก็มีอาวุธแบบนี้ไว้ในครอบครองใช่หรือไม่ บางรางต่างพูดว่าแล้วความปลอดภัยของประชาชนอยู่ตรงไหนเพราะเหมือนจะไม่มีการควบคุมอาวุธปืนเลย
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 จีจี้ สุพิชชา ได้โพสต์รูปส่วนตัวพร้อมข้อความ "Shot by my babe" พร้อมแท็กเฟซของ นตท.ภูมิพัฒน์ ด้วย จึงคาดว่าทั้งคู่น่าจะคบหาดูใจกันก่อนเลิกรากันไป
ขณะที่มีข้อความที่สนทนาของ จีจี้ กับ เพื่อน โดยมีเนื้อหาที่ระบุว่า เคยถูก นตท.ภูมิพัฒน์ พยายามเอาปืนมาฆ่าจีจี้แล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ พร้อมส่งภาพผนังมีรูให้เพื่อนดู จนต้องเอาสติกเกอร์มาปิดอำพรางไว้ จึงเชื่อว่า อิคคิวเคยมีความพยายามจะฆ่าจีจี้มาก่อน แล้วก็กระทำสำเร็จในครั้งนี้
ขณะเดียวกันชาวโซเชียลที่เป็นเพื่อนของ จีจี้ ต่างมาแชร์ภาพข้อความที่ จีจี้ ได้ส่งมาบอกว่าโดนทำร้ายและมีภาพบาดแผลบอบช้ำ โดยเพื่อนของคุณจีจี้ ได้ตอบกลับว่า เหมือนเด็กโรคจิตอะ ขณะที่คุณจีจี้ จะตอบมาว่า 555555จริงอ่อ โดยเพื่อนของคุณจีจี้ อาการหนัก ขณะที่คุณจีจี้ก็ตอบกลับว่า มาก / นางทำร้ายร่างกายชั้น / หนักมาก
ขณะที่เพื่อนของ จีจี้ อีกรายได้ออกมาแชร์ภาพการสนทนาระหว่าง จีจี้ โดยมีข้อความว่า เกิดอะไรขึ้น มึง หายไวๆนะ เป็นห่วง ขณะที่ จีจจี้ ได้ตอบกลับมาว่า สภาพจิตใจกับร่างกายกูแบบ แย่ มาก แต่ไหว สู้
ส่วนเพื่อนของ จีจี้ อีกราย ได้โพสต์ภาพการสนทนาที่ จี้จี้ ได้พิมพ์มาระบายว่า มัน (นตท.ภูมิพัฒน์)กระทืบชั้น คือต้องเล่าก่อนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โดน แล้วเวลาหลังโดนนางชอบทำตัวดีด้วย เลยแบบใจอ่อนมาตลอด แล้วนาง (นตท.ภูมิพัฒน์) กระชากหัวชั้น ลงจากเบาะรถ แล้วทุบที่หน้าแบบ 7-8รอบ เตะอก-หลัง ดีที่พ่อเค้ามาช่วยกันไว้ให้ เราแบบโดนทุบไปมาก นอกจากนี้ยังมีการส่งภาพที่เป็นร่องรอยของการโดนทำร้ายมาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นขา หน้า แขน
ทั้งนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพของจีจี้ ที่ถ่ายคู่กับแฟน โดยมีข้อความว่า “กูโดนขนาดนั้นยังบังคับให้กุไปเที่ยวต่อด้วย” จากภาพสังเกตุได้ว่ามีรอยช้ำบริเวณใบหน้า
ต่อมามีการเปิดเผยบทสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ระหว่าง ภูมิพัฒน์ หรือ (คิว) กับ จีจี้ ซึ่งเป็นการทะเลาะกันอย่างรุ่นแรงถึงขึ้นข่มขู่จะเอาปืนมายิงกัน โดยอิกคิวได้ส่งข้อความไปต่อว่า ว่าแบบนี้เรียกรักกูอ่อสัส มึงรีบเปลี่ยนทุกอย่างหนีเลยนะ นี้อ่อรักอีตอแหล ก่อนที่อิกคิวจะสั่ง จี้จี้ให้รับสาย
โดยจีจี้ตอบกลับว่า กูประชด อีสัส ขณะที่ อิกคิว ยังข่มขู่อีกว่าถ้าไม่รับไม่งั้นแม่กูยิงมึงแน่ ก่อนจีจี้ พิมพ์กลับมาว่า มึงหยุดดิ ก่อนที่จะโต้เถียงกันด้วยถ้อยคำรุนแรง ก่อนที่จีจี้ตอบกลับว่า จะฆ่ากูอย่างเดียว อิกคิว ยังข่มขู่อีก กลับไปมึงตายแน่ กูจะฆ่ามึง ก่อนที่จีจี้จะเริ่มอ่อนลง ตอบกลับไปว่า เออกูไม่เป็นแล้ว ไปดูก่อนเถอะ โดยจากแชทการสนทนานี้ จึงเชื่อว่า อิคคิวเคยมีความพยายามจะฆ่าจีจี้มาก่อนหลายครั้ง
อีกทั้งชาวทวิตบางรายโพสต์ภาพข้อความที่อิคคิวเคยเขียนมาง้อจีจี้ จำนวน 4 หน้ากระดาษแผ่นโน๊ต ว่า “สวัสดีเธอเป็นยังไงบ้างฉันรู้ดีว่าถ้าเธอได้อ่านข้อความพวกนี้มันคงเป็นเราเองที่ทำตามสัญญาที่ขอไว้ไม่ได้แต่ใจของความจริงทุกอย่างนี้มันคือความรู้สึกที่อยู่ในใจของฉันตั้งแต่วันที่เราเลิกกันอย่างแรกที่ฉันอยากจะบอกเธอคือเราขอโทษเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาที่ฉันทำอะไรโดยไม่คิดถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นและทำสิ่งที่ดีและสิ่งที่เธอทำฉันจะไม่โทษอะไรเธอเพราะฉัน มันผิดที่ฉันเองที่ฉันดูแลเธอไม่ดีพอมันผิดที่ฉันไม่มีเวลาให้เธอมันผิดที่ฉันไม่ใช่ผู้ฟังที่ดีเราขอโทษนะ”
อย่างที่ 2 “ขอบคุณนะฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่างขอบคุณสำหรับเวลาดีๆที่เราเคยได้ใช้ร่วมกันมันมีค่ากับฉันมากๆเลยนะตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันฉันยังจำผู้หญิงคนนั้นที่ใส่ชุดขาววิ่งมาพร้อมกับขวดน้ำที่ใหญ่กว่าแขนของเธอได้อยู่นะยังจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันยังจำได้อยู่เลยยังคิดถึงเวลาที่ได้มองเธอเลือกหนังสือเธอรู้ไหมว่าฉันมีความสุขแค่ไหนฉันคงจะดีนะถ้าเธอยังอยู่ให้เรานวดขาขอบคุณนะที่ทำให้ฉันรู้จักกับคำว่ารักเพราะที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากใครเธอรู้ไหมเวลาที่ผ่านมาฉันบูชาความรักไม่น้อยไปกว่า เลยนะไม่รู้ว่าเธอจะจำได้อยู่ไหมแต่ถ้าไม่นับพ่อแม่หรือยายของฉันเธอเป็นคนที่ตายแทนฉันได้และฉันก็พร้อมที่จะตายแทนเธอได้ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณนะที่เป็นกำลังให้ใจให้ฉันมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ถึงแม้ว่าเราจะเลิกกันแล้วเธอรู้ไหมว่าเธอยังคงเป็นกำลังใจให้กับฉันอยู่เพราะทุกครั้งที่ฉันหลับตาภาพของผู้หญิงคนนั้นที่คอยเป็นห่วงฉันที่คอยให้กำลังใจฉันที่หวังดีกับฉันยังคงอยู่ในใจฉันตลอดเวลาขอบคุณนะ”
“และไม่ว่าโชคชะตาจะกำหนดให้เธออยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่กับใครฉันคนนี้จะคอยเป็นห่วงและคิดถึงเธออยู่เสมอเพราะไม่ว่าอะไรก็ตามก็ไม่สามารถลบความทรงจำดีๆระหว่างเราออกจากถ้ำได้ฉันยังคงหวังว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงสดใสเหมือนเดิมเพราะโลกนี้ไม่มีอะไรสวยงามกว่ารอยยิ้มของเธอขอบคุณนะครับที่คอยเป็นทุกอย่างให้กับผม”
ซึ่งปรากฏว่าทางจีจี้เองได้เคยส่งภาพกระดาษนี้ให้กับเพื่อน พร้อมระบุอีกว่า ดูมันง้อ ซึ่งเพื่อนก็ได้ส่งข้อความกลับไปว่า แต่ทำร้ายร่างกายแบบนี้มันไม่ควรอ่ะ ซึ่งจีจี้ก็ได้ส่งข้อความถามกลับไปที่เพื่อนว่า มันควรจะกลับไปคบกันอีกหรือ
ในขณะที่ผู้ใช้ Twitter บางราย ทวิตรูปภาพจาก IG Story ของอิคคิว ซึ่งใช้ข้อความที่ดูถูกเหยียดหยามและไม่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อตัวจีจี้เอง อย่างภาพที่ถ่ายคู่กับจีจี้ พร้อมระบุว่า ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะคบกับจีจี้ไม่เกิน 2 อาทิตย์แต่ตอนนี้จะ 2 ปีแล้ว ดีนะตนยังไม่มีลูกกัน เป็นต้น
รวมไปถึงทัศนคติแปลก ๆ ที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลของอิคคิว เช่น ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งมีอะไรกับผู้ชาย 4 คนแล้วท้อง คุณจะรู้ได้ไงว่าใครคือพ่อ แต่ถ้าผู้ชายมีอะไรกับผู้หญิง 4 คนแล้วทั้ง 4 คนตั้งท้อง คุณจะรู้ทันทีเลยว่าใครเป็นพ่อของเด็ก มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ นะครับแต่มันก็เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ เพศสภาพ ฯลฯ
ขณะที่ ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางรายยังแฉอีกว่า อิคคิวเองเคยมีประเด็นปรากฎในคลิปแต่งตัวไปสยามแบบแพง ๆ ชื่อคลิปทาง Youtube ว่า "แต่งตัวไปสยามโหดกว่าเดิม Ep.2" นาทีที่ 10:05 ที่อิคคิวแต่งตัวด้วยแบรนด์เนมรวมทั้งตัวกว่า 466,000 บาทพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตัวอิคคิวเองน่าจะมาจากบ้านที่มีฐานะร่ำรวย จึงใช้ชีวิตแบบร่ำรวยโชว์ลงในโซเชียลเป็นปกติ โดยในคลิปดังกล่าวปรากฎว่ามีผู้ใช้ Youtube เข้าไปด่าประณามอิคคิวเป็นจำนวนมาก
อีกทั้ง IG Story ของอิคคิว ที่คาดว่าน่าจะโพสต์เมื่อ 23 ชั่วโมงก่อนเสียชีวิต เนื่องจากลงภาพบริเวณสี่แยกอโศก - เพชรบุรี เห็น MRT สถานีเพชรบุรีและ Airport Link สถานีมักกะสัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคอนโดที่พบศพผู้เสียชีวิตทั้งสอง ระบุว่า "พอได้กลับมาใช้ชีวิตแบบพลเรือน ค้นพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ไม่ใช่ทางกายภาพแต่เป็นสุขภาพจิตที่น่าปวดหัว เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกมันเยอะเกินไปคน ส่วนใหญ่เลยอ่อนแอและมีภูมิต้านทานที่น้อยนิด และที่เห็นบ่อยที่สุดคือคนส่วนใหญ่มีความ Self Centered สูงมาก โลกภายนอกมันแปลกดีแหะ"
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/RoGQmlzthzY