เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ยันเงินดิจิทัล 1 หมื่น ไม่กระทบการคลัง - 'เฉลิม' ซัดเงินเหลือน้อย เพราะประยุทธ์ตั้งงบลับ 8-9 แสนล้าน

โดย nattachat_c

13 เม.ย. 2566

11 views

เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดสมุทรสงคราม ย้ำนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถทำได้จริง และเป็นนโยบายที่ตรงใจกับประชาชน ไม่มีปัญหาต่อสถานะการเงินการคลังของประเทศ แม้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จะเหลือเพียง 2 แสนล้านบาท หลังหักงบประจำและงบลงทุนแล้ว เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้คิดมาอย่างรอบคอบแล้ว แต่หากจะให้นำนโยบายนี้ไปเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองอื่นก็คงจะไม่ใช่ทางของตนเอง หากลองศึกษานโยบายดูจะพบว่าในบางพรรคการเมืองใช้เงินค่อนข้างมาก เช่น กรณีจ่ายเงิน 700 บาท ต่อเดือนให้ผู้มีสิทธิกว่า 20 ล้านคน ก็ใช้งบประมาณกว่า 8 แสนล้านบาทแล้ว แต่การให้แบบนี้เป็นการให้แบบหยอดน้ำข้าวต้ม แต่ของพรรคเพื่อไทยเป็นการให้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ หลังประชาชนเดือดร้อนกันมานาน


นายเศรษฐา ระบุว่า ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีหน้าที่เดินสายพบปะประชาชน และกระจายนโยบายให้ประชาชนรับทราบ พร้อมรับข้อคิดเห็นเพื่อนำมาปรับดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการประชาชน มั่นใจทุกนโยบายฝ่ายกฎหมายจะสามารถชี้แจงกับ กกต. ได้ และเมื่อได้เข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วจะสามารถเดินหน้านโยบายได้โดยไม่มีอุปสรรค และจะทันต่อที่เคยประกาศไว้ว่าจะเริ่มต้นนโยบายได้ทันทีต้นปี 2567 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประกาศรับรอง ส.ส. ด้วยว่าขั้นตอนดังกล่าวจะรวดเร็วเพียงใด


ส่วนที่หน่วยงานด้านการเงินการคลังของประเทศเป็นห่วงเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่เหลือให้ใช้จ่ายได้อีก 2 แสนล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอต่อการทำนโยบายประชานิยมนั้น ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย สามารถหาเงินมาเติมได้ ภายใต้อัตราการเก็บภาษีเท่าเดิม ทั้งภาษี VAT และภาษีบุคคล ซึ่งทีมเศรษฐกิจได้คิดถึงช่องทางการหาเงินงบประมาณไว้หมดแล้ว และไม่กระทบกับเรื่องค่าเงินบาท ไม่ได้เกี่ยวข้องเงินสกุลอื่นๆ


นายเศรษฐา ย้ำว่า การที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายนี้เพราะเป็นนโยบายที่โดนใจได้รับความสนใจจากประชาชนมาก และพรรคอื่นอาจจะกังวลใจที่เพื่อไทยออกนโยบายนี้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น ทั้งนี้ ตลอดการหาเสียง หากยังถูกโจมตีเรื่องนี้อยู่ก็ไม่กังวล และเชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน หากมีผู้ถามทุกวัน ก็จะตอบทุกวัน


เมื่อถามย้ำว่า ยังไหวที่จะต้องชี้แจงนโยบายนี้ไปตลอดจนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นหรือไม่ นายเศรษฐา ยกแขนทำท่าเบ่งกล้ามโดยระบุว่า “ไม่มีปัญหาครับ แข็งแกร่งครับ สู้ครับ”


ส่วนที่ กกต. คอยเตือนให้พรรคเพื่อไทยชี้แจงรายละเอียดของนโยบายนี้โดยตลอดนั้น ไม่ขอมองว่า กกต. พุ่งเป้าเพื่อจะเอาผิดกับพรรคเพื่อไทย แต่ กกต. ทำตามหน้าที่ และพรรคก็พร้อมเคารพต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ

-------------

เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และ ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัครส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 29 เบอร์ 9 เขตบางแค (เฉพาะแขวงบางแคเหนือ) และ แขวงบางไผ่, เขตหนองแขม (ยกเว้นแขวงหนองแขม) ร่วมพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ที่ซอยบางแวก 97 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาให้กำลังใจผู้สมัครส.ส.อย่างอบอุ่น


ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าตนเองเป็นส.ส.สมัยแรกเริ่มต้นที่เขตบางแค และวันนี้ ได้กลับมาช่วย ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา หาเสียงที่เขตบางแคอีกครั้ง จึงรู้สึกอบอุ่นใจและมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในเขตบางแคนี้แน่นอน ส่วนกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่านโยบายเงินดิจิทัล ไม่มีกฎหมายรองรับและถ้าเข้าสภา ส.ว.จะคว่ำนโยบายนี้ว่า นายไพบูลย์พูดไร้สาระ เหมือนมีคนเขียนบทละครมาให้พูด


ตนขอเรียนว่า คนที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายพรรคเพื่อไทย เขาตกใจกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพราะทีมงานพรรคเพื่อไทยได้คิดผลิตนโยบายออกมาอย่างละเอียด รอบด้าน ตอบโจทย์ทั้งในมิติเศรษฐศาสตร์ มิติด้านกฎหมาย มิติด้านสังคม นโยบายเดียวสามารถแก้ปัญหาให้พี่น้องได้หลายมิติในเวลาเดียวกันและทรงพลังจนพวกเขาเหล่านั้นนั่งอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครถามอะไรพรรคเพื่อไทยตอบได้ทั้งหมด


ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ออกมาบอกว่า งบประมาณปี 2567 เหลืองบประมาณให้ใช้แค่ไม่ถึง 200,000 ล้านบาทเท่านั้น ตนขอบอกว่าที่เงินไม่พอก็เพราะพวกคุณใช้กันไปแบบไร้ประโยชน์ และถ้าเงินไม่พอจริง ผมก็จะไปรื้องบทหาร งบซื้อเรือดำน้ำ และงบลับของนายกรัฐมนตรีที่เขาปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึง ถ้าไม่พอเราจะไปค้นมาใช้เอง


“บอกเงินเหลือแค่ 200,000 ล้านบาทไม่พอใช้ ไม่เป็นไร ถ้าเงินไม่พอ งบเรือดำน้ำเราจะซื้อไปทำไม กฎหมายเรารู้ ระบบราชการเรารู้ เราจะไปรื้องบทหาร งบลับที่นายกฯนั้นแหละถืออยู่เงียบๆ เราจะไปเอางบที่ใช้กันอีลุ่ยฉุยแฉก เอามาเป็นงบประมาณมาใช้เพื่อปากท้องและความกินอยู่ที่ดีของประชาชน” ร้อยตำรวจเอกเฉลิม กล่าว

-----------
วานนี้ (12 เม.ย.) เวลา 07.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ว่า 


เมื่อถามอีกว่านโยบายหาเสียงของพรรคจะมีอะไรออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การกำหนดนโยบายของพรรคพล.อ.ประยุทธ์ได้วางแนวทางไว้ให้ ซึ่งก็ตรงกับแนวทางที่พรรคได้กำหนดไว้ ย้ำว่านโยบายต่างๆ จะต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่คิดแต่เพียงว่าให้ได้คะแนนเสียง เพราะการเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรหรือมาทำหน้าที่บริหารประเทศ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัวของเรา ถ้าเราเริ่มต้นเข้ามาด้วยการที่คิดถึงแต่ส่วนตัวของเราเอง เราจะบริหารประเทศไม่ได้ และจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ได้ ฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงได้มอบแนวทางให้พรรคในการกำหนดนโยบายต่างๆ คือ จะต้องไม่กระทบระเบียบวินัยการเงินการคลัง และไม่กระทบงบประมาณ รวมถึงถ้าเป็นไปได้ให้คงงบประมาณเดิม หรือถ้าจำเป็นต้องเพิ่มก็อย่ามาก และอย่าให้กระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานของประเทศในอนาคต


เมื่อถามอีกว่าพรรคการเมืองบางพรรคออกนโยบายสุดโต่งทำให้กระทบกับนโยบายพรรครทสช.หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เชื่อว่าแต่ละพรรคมีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่เราจะไม่ใช้วิธีการแบบนั้น ก็แล้วแต่ประชาชนจะพิจารณา สุดท้ายผลกระทบต่อประเทศบ้านเมืองเป็นอย่างไร


เมื่อถามต่อว่านโยบายบัตรดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย อาจจะกระทบทำให้ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) หรือต้อง เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า “นั่นแหละ ถึงได้บอกว่าประชาชนต้องพิจารณา มันไม่ใช่ว่าได้ไปหมด มันมีทั้งได้และเสียไม่ใช่ว่าได้อันนี้แล้วได้ทุกอย่าง เพราะถ้าได้อันนี้มันต้องไปตัดอีกเยอะ ที่สำคัญได้จริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ และรูปแบบของเงินในลักษณะดังกล่าวทำให้กระทบต่อภาวะความเชื่อมั่น ระหว่างประเทศในเรื่องค่าเงินบาท อะไรต่างๆ ด้วยหรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณาซึ่งก็แล้วแต่พรรคข่าวเราไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เพราะแต่ละพรรคก็มีแนวทางของเขา”

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/MM_PD6vJjTE

คุณอาจสนใจ

Related News