สังคม
เปิดเบื้องหลังศาลเพิกถอนหมายจับ 'ส.ว.' เอี่ยวคดีทุนมินลัต
โดย panwilai_c
12 มี.ค. 2566
196 views
ประเด็นร้อนที่กำลังจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ คือเครือข่ายยาเสพติดของนายทุนมินลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่คดีนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการแกะรอยจับกุมเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มหนึ่ง
จนสามารถสาวไปตามเส้นทางการเงินจนพบความเชื่อมโยงถึงขบวนการฟอกเงินผ่านการทำธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าที่มีชื่อของส.ว.คนหนึ่งเกี่ยวข้องและก่อนหน้านี้ คดีเงียบไปพักหนึ่ง จนนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายในสภา กรณี มีการเพิกถอนหมายจับส.ว.ที่ถูกออกหมายจับไปแล้วไม่กี่ชั่วโมง จนตำรวจที่ ทำคดี ได้รับการติดต่อจากหนึ่งคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ให้ทำรายงานชี้เรื่องราว ปรากฎว่าก็มีเอกสารคำชี้แจงหลุดออกมา ทำให้หลายคนสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ติดตามรายละเอียด จากรายงานนี้
ข่าว 3 มิติได้รับการยืนยันจากพ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สน.พญาไท แล้วว่า เอกสารฉบับนี้เป็นของจริง และเขาเป็นผู้ทำคำชี้แจงทั้ง6 หน้าด้วยตัวเอง หลังจากที่กรรมการท่านหนึ่งในตุลาการศาลยุติธรรม แจ้งมา
ในหน้าคำชี้แจง ระบุเขียนที่ สน.พญาไท ซึ่งเป็นที่ทำงานใหม่หลังถูกย้ายออกจากหน้าที่เดิมคือที่กองกำกับการ2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล และเป็นจุดเริ่มต้นจับกุมเครือข่ายยาเสพติดของนายทุนมินลัต แล้วขยายผลจากเส้นทางการเงิน ที่ใช้บัญชีม้าทั้งหมดนับพันบัญชี แล้วพบการโอนเข้าสู่ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ที่มีชื่อนายทุนมินลัต รวมทั้งลูกเขยส.ว.และพบความเชื่อมโยงทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องชัดเจน จนนำไปสู่การขออำนาจศาลเวร อนุมัติหมายจับมาก่อนหน้านี้ได้แล้ว
ในคำชี้ต่อก.ต. พ.ต.ท.มานะพงษ์ บรรยายถึงเหตุผล ที่มาของการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดไว้อย่างละเอียด ทั้งพฤติกรรม และผลของการดำเนินคดีนายทุนมินลัตและพวกที่บางส่วน ศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้วให้ประหารชีวิต โดยเฉพาะรายหนึ่งที่เป็นตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาอีกคนหนึ่งด้วย
ในข้อ2 พ.ต.ท.มานะพงษ์ แจ้งว่าพนักงานสอบสวน กองกำกับการ2 ได้สอบปากคำผู้ถูกจับบางส่วนแล้วให้การซัดทอด ว่า ส.ว.อยู่เบื้องหลัง พร้อมหาหลักฐานความเกี่ยวข้องประกอบการเตรียมดำเนินคดี
ซึ่งวิธีการสอบสวนขยายผล ของตำรวจ ชุดนี้ ก็ไม่ต่างจากคดีที่ ตำรวจ ขยายผลจากตัวเล็กไปสู่ตัวการใหญ่โดยทั่วไป แต่ข่าว 3 มิติ ตั้งข้อสังเกต ว่า ที่ทำให้ คดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด เพราะตำรวจชุดนี้ เห็นว่า ยังมีตัวการอีกรายที่ยังลอยนวลอยู่หรือไม่
ในรายงานนี้พ.ต.ท.มานะพงษ์ ชี้แจงว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ช่วงเช้า 9.30 นาที เขาพร้อมผู้บังคับบัญชาพร้อมนำหลักฐานไปขออำนาจศาลอาญษ เพื่อออกหมายจับ ส.ว. ในควาผมิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน ศาลเวรไต่สวนประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะได้รับหมายจับออกมา
จากนั้น จึงเตรียมประสานงานเข้าจับกุมตรวจค้นร่วมกับหน่วยอื่น ปรากฎว่า เวลาประมาณ เที่ยงวันเดียวกันก็ได้รับโทรศัพท์ จากผู้ที่พ.ต.ท.มานะพงษ์ รายงานว่าเป็นผู้พิพากษา ให้นำหมายจับไปคืน
ซึ่งในช่วงหน้าที่3-6 ของรายงาน พ.ต.ท.มานะพงษ์ ได้อธิบายการพูดคุย และผู้ที่อยู่ร่วมในการพูดเกลี่ยกล่อมให้ยอมรับการถอนหมายจับไว้อย่างละเอียด ที่สุด วันนี้ ชุดจับกุม ก็กลับออกมามือเปล่า รวมทั้งอำนาจ ที่จะเข้าไปสอบสวนส.ว.ต้องสงสัย
คดี ส.ว. เครือข่ายทุนมินลัต จึงเงียบหายไปจากหน้าสื่อพักหนึ่ง จนเมื่อ 2 วันก่อน ปรากฎว่า เอกสาคำชี้แจงนี้ที่พ.ต.ท.มานะพงษ์ ยืนยันว่า ได้ส่งให้กับกรรมการก.ต.ที่ร้องขอเพียงฉบับเดียวก็หลุดออกมา กลายเป็นคำถามที่ตามมากมาย
ล่าสุดทาง พล ตำรวจตรี คมสิทธ์ รังไสย์ ผู้บังคับการตำรวจปราปบรามยาเสพติด ออกคำชี้แจงเพิ่มเติม ว่า คดีนี้ ตำรวจได้ได้แยกสำนวนดำเนินคดีเป็น 2 สำนวนและถือเป็นคดีนอกราชอาญาจักร จึงอยู่ในอำนาจอัยการสูงสุด และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 9 ราย
กรณีร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ "ส.ว. พราะมีส่วนเชื่อมโยงกับผู้ต้องหากลุ่มแรก ซึ่งคดีนี้อัยการสูงสุดพิจารณาเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมาว่า "เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำนอกราชอาณาจักร" อัยการจึงเข้ามาร่วมสอบสวนเช่นกัน และสาเหตุที่ยังไม่ออกหมายเรียก สมาชิกวุฒิสภา เพราะพยานหลักฐานในสำนวนหลายอย่างยังไม่สมบูรณ์ ระบุว่า ยังมีเอกสารกว่าจำนวนมากเป็นภาษาต่างประเทศ ต้องแปลเป็นไทย ก่อน รวมทั้งต้องรวบรวมพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินให้มั่นคงก่อน จึงขออำนวจออกหมายจับใหม่ ซึ่งยืนยันว่า ต้องทำภายในกรอบของอายุความ
ขณะที่ นาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า รู้สึกเศร้าใจ เพราะเห็นความพยายามของตำรวจที่พยายามทำคดีนี้ แต่กลับไม่สามารถทำตามกฎหมายได้ แต่ที่น่าตกใจคือ มีการกล่าวว่า คนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนสำคัญ จึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนทั่วไป ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม พรุ่งนี้ (13มี.ค.) บ่ายโมงครึ่ง จะไปติดตามเรื่องนี้ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด