สังคม

สั่งตั้งคกก.สอบปมผอ.วิทยาลัยเทคนิค เรียกสินบนผู้รับเหมา เหตุใดความผิดเพียงเล็กน้อย

โดย panwilai_c

10 มี.ค. 2566

406 views

กรณีผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีเรียกรับเงินค่าหัวคิวก่อสร้าง ที่ข่าว 3 มิติ นำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบ เช่นเอกสารและหลักฐานที่ผู้รับเหมาส่งไปร้องเรียนคณะกรรมการสอบวินัย ซึ่งควรเป็นความลับ แต่กลับถูกใช้กลับมาฟ้องร้องตัวเธอเอง รวมทั้งผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่ใช้เวลาสอบกว่า 1 ปี ก็ยังไม่ถูกเปิดเผยทั้งหมด ทั้งที่ผู้เสียหายและหน่วยงานต้นเรื่องเคยทวงถามไปแล้วหลายครั้ง



วันนี้ข่าว 3 มิติ ได้รับเอกสารชุดหนึ่งเป็นผลการสอบสวนวินัยร้ายแรงของผู้อำนวยการรายนี้ ซึ่งยังไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน



เอกสารชุดนี้ถูกส่งให้ทีมข่าว 3 มิติ จากผู้ไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่ง ในเอกสารระบุข้อความชี้แจงของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณีผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคในจังหวัดปทุมธานีเรียกรับเงิน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ซ้อนแผนจับกุมเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565



ในคำชี้แจงอ้างถึงผลสอบสวนวินัยที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผย มีใจความสำคัญคือเงิน 10,000 บาท ที่พบในวันจับกุม เป็นเงินส่วนเดียวกันกับเงิน 30,000 บาท ที่นางประภัสสรจ่ายไปก่อนหน้านั้น โดยมีครูผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้รับ และลงรายการว่าเป็น "เงินบริจาค" คณะกรรมการจึงเห็นว่าเงินทั้ง 2 จำนวน เป็นก้อนเดียวกัน



ดังนั้นเงินที่ผู้อำนวยการรับมา 10,000 บาท ไม่ใช่เงินสินบน แต่เป็นเงินที่นางประภัสสร และคณะคือเจ้าหน้าที่ ปปท. และตำรวจ วางแผนเพื่อจับกุมผู้อำนวยการเท่านั้น



ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งจากคำชี้แจงของคณะกรรมการสอบวินัย จึงอาจเป็นไปได้ว่านี่คือผลการสอบสวนที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผย ทั้งที่เคยถูกทวงถามจากส่วนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด



นางสาวประภัสสร ผู้รับเหมาที่ถูกเรียกรับเงิน เคยสอบถามผลการสอบสวนวินัยหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน จนเธอต้องร้องเรียนคณะกรรมการสอบวินัยว่าปฎิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง



สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท.เขต 1 ส่งเอกสารขอทราบผล 2 ครั้ง วันที่ 29 กันยายน และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 แต่ไม่มีการตอบกลับมา



คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ปทุมธานี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นเรื่อง ได้ทวงถามผลไปแล้วหลังมีการร้องเรียนการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนวินัย และเรียกร้องให้ ปปช.ดึงเรื่องกลับมาสอบสวนเอง



อีกประเด็นที่ยังเป็นข้อสงสัย คือเอกสารและหลักฐานนางสาวประภัสสร ที่ส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้ตรวจสอบการทำงานของกรรมการสอบวินัย กลับรั่วไหลไปถึงมือกรรมการทั้ง 4 คน จนนำมาเป็นหลักฐานฟ้องนางประภัสสร



ในจำนวนนี้มีไฟล์บันทึกเสียงสนทนา 6 ฉบับ ที่เป็นหลักฐานสำคัญ โดยเฉพาะการเสนอเงินตอบแทนแลกกับการเปลี่ยนคำให้การเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการ



การรั่วไหลของเอกสารซึ่งควรเป็นความลับ ไม่เพียงแต่ทำให้นางสาวประภัสสรตกอยูในอันตรายเท่านั้น แต่อาจส่งผลถึงความเชื่อมั่นของประชาชน จนไม่กล้าส่งข้อมูลร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐ



ข่าว 3 มิติ พยายามหาคำตอบว่า ทำไม ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบวินัย ผู้อำนวยวิทยาลัยเทคนิค ตามที่มีการร้องเรียนไป กลับพบว่า มีความผิดเพียงเล็กน้อย ทั้งที่ทางปปท.ที่รวมรวมพยานหลักฐานส่งปปช. ยืนยันมีคลิปเสียงและหลักฐานการรับสินบนชัดเจน ก็ได้รับการอธิบายมาจากทางผู้บริหาร ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา



หลังจากข่าว 3 มิติ นำเสนอเรื่องนี้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีคำสั่งด่วนตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด



ชุดที่ 1 ตรวจสอบการทำงานของกรรมการสอบวินัยร้ายแรงว่าทำหน้าที่อย่างไม่เป็นกลางตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ รวมทั้งผลการพิจารณาว่าผิดวินัยเพียงเล็กน้อยนั้นถูกต้องหรือไม่



ชุดที่ 2 รวบรวมเอกสารหลักฐานใหม่ และสอบสวนหาสาเหตุการรั่วไหลของเอกสารร้องเรียนจากประชานชน ซึ่งควรเป็นข้อมูลลับ



ขณะที่ ร.ท. สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ชี้แจงว่า กระบวนการสอบวินัยร้ายแรงผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิครายนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยยืนตามมติคณะกรรมการชุดแรก คือเป็นการกระทำผิดวินัยเพียงเล็กน้อย ให้ภาคทัณฑ์และว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งสามารถกลับไปรับราชการในตำแหน่งเดิมเพราะเป็นการสั่งพักราชการชั่วคราวเพื่อสอบสวน



ส่วนกรณีที่นางสาวประภัสสรร้องเรียนว่ากรรมการสอบวินัย พิจารณาอย่างไม่เป็นธรรม ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางศึกษา หรือ ก.ค.ส. ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสวบสวนว่ากรรมการสอบวินัยมีพฤติกรรมตามที่ถูกล่าวหาจริงหรือไม่



ก่อนหน้านี้ได้แจ้งผลให้ผู้เสียหายทราบแล้ว แต่ยอมรับว่าในเอกสารไม่ได้ลงรายละเอียดทั้งหมด ส่วนหน่วยงานต้นเรื่องทั้ง ปปช. และ ปปท. ยังไม่ได้แจ้งผลการสอบสวนไปอย่างเป็นทางการ



กรณีที่นางสาวประภัสสร ส่งหลักฐานร้องเรียนการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนวินัย ซึ่งควรจะเป็นความลับเพื่อนำไปสืบหาความจริง แต่กลับถูกส่งให้คณะกรรมการทั้ง 4 คน นำกลับมาฟ้องร้องเธอ รองเลขาธิการชี้แจงว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดในส่วนงานธุรการ ขณะนี้มีคำสั่งให้เร่งสอบสวนแล้ว

คุณอาจสนใจ