สังคม

'สารวัตรซัว' โดนอีก เป็นต่อกรุ๊ปจัดตั้งมูลนิธิไม่ได้รับอนุญาต เร่งสอบเอี่ยวฟอกเงินเว็บพนันหรือไม่

โดย panwilai_c

13 ก.พ. 2566

202 views

กรมการปกครองได้เข้าตรวจสอบมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป ซึ่งมี สารวัตรซัว เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร พบว่า มูลนิธิได้จัดตั้งขึ้นโดยไม่ได้ขอจดทะเบียน และยังพบว่ามีการขอเรี่ยไรบริจาคเพื่อนำเงินไปทำกิจกรรมการกุศล ขณะนี้พบความผิด 3 ข้อหา แต่จะเข้าข่ายนำเงินจากเว็บพนันออนไลน์มาฟอกหรือไม่ ได้ส่งข้อมูลให้ตำรวจสอบสวนกลางแล้ว



คลิปโครงการจิตอาสาเพื่อพัฒนาชุมชน โดยนำทุนการศึกษา อาหารกลางวัน ไปบริจาคเด็กในโรงเรียนชนบท ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งที่มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป ว่าได้นำสิ่งของไปบริจาคเมื่อปี 2563 โดยมีการมอบทุนการศึกษาให้เด็กที่เรียนดีแต่ขาดแคลนเป็นเงิน 1 ล้านบาท



นอกจากการศึกษา ยังมีการช่วยด้านสาธารณสุขและสาธารณูปโภคเพื่อช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยยึดถือว่ายิ่งให้ ยิ่งได้ รวมทั้งยังมีเชิญชวนให้บริจาคเข้าโครงการรอบริจาคให้กับสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และโรงเรียน



มูลนิธิ เป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ปรากฏที่ตั้งภายในซอยรามอินทรา 5 เขตบางเขน กทม. ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เปิดเผยข้อมูลว่า เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่พ.ต.ท.วสวัตติ์ หรือ สารวัตรซัว นำเงินจากเว็บพนันออนไลน์ มาฟอกเงิน



ทำให้กรมการปกครองได้เข้าตรวจสอบมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป กระทั่งพบว่า ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้ติดต่อไปยังผู้บริหารบริษัทเป็นต่อกรุ๊ปคนหนึ่ง ระบุว่าอยู่ต่างประเทศ และบอกว่ามูลนิธิไม่ได้จดทะเบียนจริง



นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทที่ร่วมสนับสนุนโครงการของมูลนิธิ มีบริษัท เป็นต่อกรุ๊ป ซอฟต์แวร์ บริษัทซูเปอร์ฮิวแมนซ์ บริษัทเป็นต่อโปรดักชัน บริษัทเป็นต่อแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ บริษัททูมอร์โรแลนด์ บริษัทสน็อคโค เทคโนโลยี โดยผู้บริหารเป็นต่อกรุ๊ป ระบุว่า เป็นบริษัทที่เป็นพันธมิตรกัน จึงได้นำเงินมาสมทบทุนบริจาค



การจัดตั้งมูลนิธิ เพื่อทำโครงการสาธารณกุศล จึงถูกจับตามองว่า มีการแอบแฝงฟอกเงินจากธุรกิจผิดกฎหมาย หรือธุรกรรมแอบแฝงอย่างอื่นหรือไม่ ในส่วนของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปได้แจ้งความฐาน ใช้คำว่ามูลนิธิโดยไม่ได้จดทะเบียน เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเข้าสู่ระบบคอมพิเวอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยหลังจากแจ้งความแล้ว ได้ส่งเอกสารให้ตำรวจสอบสวนกลางไปตรวจสอบถึงความเกี่ยวโยงกับสารวัตรซัวด้วย



นอกจากนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้สั่งให้ผู้ว่าและนายอำเภอทั่วประเทศตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิทุกแห่ง ว่านำมาใช้แอบแฝงในการกระทำผิดหรือไม่ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีกับมูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มจีนเทา ในการออกวีซ่านักเรียน ในจังหวัดเชียงราย และเร่งตรวจสอบทั่วประเทศ เพื่อสั่งปิดมูลนิธิที่เข้าข่ายแอบแฝงในการทำผิดกฎหมาย

คุณอาจสนใจ

Related News