สังคม

'ชูวิทย์' เปิดใจ 'บิ๊กตู่' รับปากสางคดีทุนจีนสีเทา สั่งผบ.ตร.สอบปมหลานชายเอี่ยวตู้ห่าว

โดย nattachat_c

11 ม.ค. 2566

17 views

ชูวิทย์เปิดใจ หลังพบนายกฯ เรื่องจีนเทา-มีชื่อหลานชายโยงธุรกิจรถทัวร์ตู้ห่าว เผยมีท่าทีรับฟัง-รับปากจะแก้ไขให้เร็วที่สุด ตั้งคำถามถ้านายกฯ ผู้นำองค์กรสูงสุดของประเทศ จัดการไม่ได้แล้วใครจะจัดการได้ ยันการเข้าพบครั้งนี้ไม่ใช่หมดมุกและไม่ได้หาทางลง


วานนี้ (10 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย แถลงสรุปผลภายหลังเข้าพูดคุย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 65 เกี่ยวกับประเด็นการจัดการปัญหากลุ่มทุนจีนสีเทา และกรณีที่มีชื่อหลานชายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนายตู้ห่าว


นายชูวิทย์ กล่าวว่า วานนี้ (9 ม.ค. 66) ตนตั้งใจจะไปจุดเทียนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คาดว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมา ตนก็จะกวักมือเรียก ยกมือไหว้ แต่คาดว่าน่าจะอดทนกับท่าทีของตนไม่ไหว จึงได้เรียกเข้าไปพูดคุย ซึ่งได้พูดคุยเป็นเวลาประมาณ 15 นาที


จากนั้น นายชูวิทย์ตั้งตำถามว่า “คุณคิดว่าประชาชนคนธรรมดาอย่างตน เข้าไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีได้ คุณคิดว่าเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไปไกลพอหรือไม่” ถ้านายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ขอถามง่ายๆ เลยว่าแล้วใคร? เพราะนายกรัฐมนตรีคือผู้นำองค์กรสูงสุดของประเทศไทย


และหากบอกอีกว่าให้ตนไปหาคนอื่น ขอถามว่า “ให้ไปหาใคร?” ซึ่งการยิงตรงหานายกรัฐมนตรี ก็ได้อธิบายขยายความแล้วว่า เรื่องจีนเทาเป็นเรื่องสำคัญ มันทำร้ายประเทศไทย แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย


เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ตอนที่ตนออกมา ทุกคนก็รู้ว่าตนอยู่ในถ้ำเสือ จะพูดอะไรได้เยอะ เพราะมีคนอยู่รอบข้างอยู่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่เคยไปทำเนียบรัฐบาลที่มีการประท้วง ซึ่งตนก็เคยโดยรุมมาแล้ว ซึ่งตนรู้ว่าตนพูดได้แค่นั้น


นายชูวิทย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้อธิบายให้ตนฟังว่า องคาพยพของหน่วยงานรัฐมันใหญ่ และต้องมีขั้นมีตอน ซึ่งตอนนี้ตนมอง พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนไป ซึ่งนายชูวิทย์ได้ถามสื่อมวลชนว่า เปลี่ยนไปเพราะอะไร


ซึ่งสื่อได้ตอบไปว่า “เป็นนักการเมืองมากขึ้น” นายชูวิทย์ถึงขั้นปรบมือ แล้วย้ำว่า เป็นนักการเมือง ซึ่งเคยพูดไปแล้วว่า การเป็นนักการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์  จะแสดงบทบาทแบบเดิมไม่ได้ การเป็นนักการเมืองต้องฟังประชาชน


ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนักการเมืองที่ดีได้ ฐานที่จะสนับสนุนคือประชาชน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักประชาชน ส่วนจะอยู่ได้นาน หรือได้รับเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตอนที่อยู่ต่อหน้าก็ต้องบอกว่า “ผมให้กำลังใจท่านนะ เมื่อท่านเลือกเดินทางสายนักการเมืองแล้ว ท่านต้องจัดการเรื่องทุนจีนสีเทาให้ผม”


เมื่อพูดถึงเรื่องครอบครัวซึ่งเป็นเรื่องธุรกิจรถทัวร์ ซึ่งมีการพาดพิงว่าหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ มีชื่อ และมีความเชื่อมโยงกับนายตู้ห่าว ท่านก็บอกว่า “ชูวิทย์ ขอเวลาหน่อย เพราะไม่รู้เรื่องนี้” แต่ด้าน ผบ.ตร. ก็ได้รับเรื่องสอบกรณีธุรกิจรถทัวร์ให้แล้ว ซี่งขณะนั้น ก็ได้เพียงเท่านี้ จะสามารถทำอะไรได้อีก ให้เขย่าตัวเลยหรือไม่ ทำได้แค่นี้ เพราะตนเป็นประชาชน ได้พูดคุย 15 นาที ก็ถือว่าโอเคแล้ว เพราะถือได้ว่าได้คุย ได้เจรจา ได้เอาปัญหาไปให้หูนายกฯฟัง ส่วนนายกฯ จะเชื่อตน หรือเชื่อใครนั้น ไม่ทราบ พร้อมย้ำว่า การเมืองก็คือการเมือง แต่ตนไม่เกี่ยวเพราะไปในฐานะประชาชน


เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมมองว่า ไปพบนายกรัฐมนตรีเป็นการหาทางลงกับเรื่องนี้ให้ตัวเอง นายชูวิทย์ กล่าวว่า นี่ไง คนดีถึงต้องเจอคำถามแบบนี้ ทำไมหมดมุกแล้วละซิ / หาทางลงแล้วละซิ


ถามแบบนี้ ส่วนตัวตนไม่โกรธ แต่อยากให้มองถึงสิ่งที่ทำให้สังคมมาอย่างโดดเดี่ยว หากตนจะลง จะไปเดือดร้อนใคร เพราะไม่มีหน้าที่ และไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร ขณะเดียวกันไม่ได้จะเล่นการเมือง หากจะหาทางลงจากเรื่องนี้แล้วจะไปหนักหัวใคร


ดังนั้น การที่ไปพบนายกฯ ในเมื่อนายกฯเป็นนักการเมือง คงทนตนไม่ไหว ที่ไปนั่งอยู่ด้านหน้าจนท้ายที่สุดก็ต้องเรียกเข้าไปคุย และการที่ประชาชนอย่างตนเอง ได้พบนายกฯนั้น ก็พูดคุยตามสไตล์ทหารก็เป็นความจริง เพราะเป็นทหารมาทั้งชีวิต ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่าไม่สามารถปกครองประชาชนแบบทหารได้ แต่วิสัยของคนไทย และตนไม่สามารถไปวิจารณ์แบบนั้นต่อหน้าได้ ซึ่งตอนนั้นก็มีผู้ใหญ่หลายคนอยู่ รวมถึงนายธนกร วังบุณคงชนะ ซึ่งก็ได้แซวตนว่า “พี่เล่นผมหนัก” จึงได้ตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก จะเป็นนักการเมือง มันเหมือนระฆัง ไม่ตี มันไม่ดัง"


จากการที่ได้พูดนายกฯนั้น นายกฯ รับปากว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ทำให้เร็วที่สุด แต่ไม่สามารถถามนายกฯ ได้ว่าให้บอกมาเลยว่าจะใช้เวลากี่วัน ซึ่งขณะนี้รู้แล้วว่า เรื่องบริษัทรถทัวร์ที่มีหลานนายกฯเกี่ยวข้องนั้น นายกฯ ได้สั่งการ ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบแล้ว


ส่วน เรื่องของผบช.น. เรื่องก็อยู่ที่จเรตำรวจแล้ว คาดว่าน่าจะมีกรอบเวลาตรวจสอบ 15 วัน และย้ำว่า ตนเองไม่สามารถไปเรียกร้องหรือกำหนดเวลาได้ แต่จุดประสงค์คืออยากให้รับฟังและให้ประชาชนเห็นว่าถ้าจะสู้กับรัฐ เราต้องรู้เท่าทันเรื่องระเบียบและกฎหมาย


นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ตนหยุดไปก่อนหมายความว่า ให้หยุดให้ท่านได้ทำงานบ้าง เพราะชูวิทย์เคลื่อนไหวตลอดเลย พร้อมทำท่าทาง “รัวหมัด” ซึ่งได้บอกให้ตนพักบ้าง แต่ประชาชนอย่างตนพักไม่ได้


เมื่อถามย้ำว่าเป็นการสั่งปิดปากหรือไม่ นายชูวิทย์ ระบุว่า ถ้าปิดปากแล้ว วันนี้ผมยังมาพูดกับคุณอยู่เลย


เมื่อถามอีกว่าท่าทางของนายกฯ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. พร้อมที่จะรับฟังจริงๆ หรือแก้เก้อ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองแล้ว และคงมีคนบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า อย่างชูวิทย์ มันไม่ธรรมดานะท่าน กัดไม่ปล่อยนะ มาอยู่จุดเทียน จุดตะเกียงอยู่ด้านหน้า ไปคุยสักหน่อยดีกว่า มันจะกลายไปเป็นเกมการเมือง เพราะเป็นนักการเมืองแล้ว ก็ต้องวางตำแหน่งของตัวเองใหม่ โดยเฉพาะในเวลาใกล้เลือกตั้ง
-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/zWTWlnHVwlg

คุณอาจสนใจ

Related News