จับตา 2 ป. ประชุมครม.นัดแรกปีใหม่ 2566

การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของปีใหม่ 2556 มีความน่าสนใจต่ออนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังไม่ระบุวันที่จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงยังไม่ตัดสินใจนั่งซูเปอร์บอร์ดตามที่พรรคเสนอ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนว่าจะเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ขณะที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถูกจับตาต่อการจับขั้วทางการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2566 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก และการจับตาอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยังไม่ระบุวันที่จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากประกาศไปแล้วว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนี้

โดยขอดูวันที่เหมาะสม และยังไม่ได้ตัดสินใจรับตำแหน่งซูเปอร์บอรด์ของพรรคตามที่มีกระแสข่าว จะสมัครเพียงสมาชิกพรรคเท่านั้น พร้อมย้ำความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเหมือนเดิม แม้ต่อไปจะเป็นคู่แข่งทางการเมืองกันก็ตาม รวมถึงเวลา 2 ปีที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมีอะไรเป็นจุดขายทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า อยู่เพื่อทำงานให้เสร็จเรียบร้อย

ด้านพล.อ.ประวิตร วันนี้อารมณ์ดี ทักทายสวัสดีปีใหม่ผู้สื่อข่าว ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าจะมีการประชุมพรรคเพื่ปรับกรรมการบริหารพรรค รองรับที่มีส.ส.ลาออก อาจจะเป็นวันที่ 14 มกราคม หรือ 21 มกราคม ซึ่งต้องประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่มั่นใจว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงคนเดียว และเชื่อว่าแม้จะเป็นคู่แข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไม่ตัดคะแนนกันเอง ส่วนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ก็ยังไม่ลาออก ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มีความพร้อมรับมือกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหมดวาระ และยืนยันว่าไม่เคยพูดว่า พรรคภูมิใจไทยจะจับมือกับทุกขั้วการเมือง ส่วนตัวย้ำมาตลอดว่าต้องรอผลการเลือกตั้งที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจะไปทางไหน โดยเฉพาะไม่เคยเอ่ยชื่อพรรคก้าวไกล รวมถึงไม่เคยคุยว่าพรรคภูมิใจไทย จะจับมือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย เพื่อดันพล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่ามีความพร้อมในการเลือกตั้งเชื่อมั่นว่าจะได้ส.ส.กลับมาใหม่ โดยเฉพาะในภาคใต้ ตั้งเป้าให้ได้ 58 ที่นั่ง และกรณีมี ส.ส.ย้ายไปพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่น นางสาวรังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม ยอมรับว่าลำบากใจ แต่ไม่กังวล เพราะต้องหาคนมาลงสมัครแทน