พ่อ"จ่าโทสหรัฐ"ยังรอคอยลูกอย่างมีความหวัง ตั้งคำถามเรือใหญ่ทำไมไม่ตรวจความพร้อม

             นายสมบูรณ์ อีสา พ่อของจ่าโทสหรัฐ อีสา หรือ บูม ตำแหน่งจ่าเรือ อายุ 21 ปี หนึ่งในกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ยังสูญหาย  ขณะนี้ยังรอคอยลูกอย่างมีความหวัง  พ่อเล่าว่า ในวันเกิดเหตุ 18 ธันวาคม ก่อนเรือจะอับปาง ลูกชายโทรศัพท์มาหาแม่ เล่าว่าเรือกำลังจะจม แม่ยังปลอบใจว่า คงไม่เป็นอะไรมาก เพราะเรือใหญ่ แม่ยังสอบถามว่าลูกมีเสื้อชูชีพหรือไม่  ลูกบอกว่าไม่มี มีแต่ห่วงยาง และบอกว่าเรือหลวงกระบุรีกำลังจะมาช่วย หากขึ้นเรือหลวงกระบุรีได้ จะติดต่อกลับมา  แต่ลูกก็เงียบหายไป ครอบครัวพยายามติดตามข่าว เมื่อมีข่าวว่าช่วยเหลือลูกเรือได้ ก็เบาใจ  แต่วันรุ่งขึ้นก็ยังติดต่อลูกชายไม่ได้ จนทราบว่ามีลูกเรือจำนวนมากที่สูญหายในทะเล  พ่อจึงรีบเดินทางจากบ้านที่สมุทรปราการ มาที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทันที   พบว่าลูกอยู่ในรายชื่อผู้สูญหาย ทุกวันนี้ พ่อและแม่ก็ยังรอคอยลูกชายกลับมา หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ เพราะตราบใดยังไม่เห็นร่างลูก ก็ยังหวังว่าลูกจะกลับมา  แต่ถ้ามีชื่อลูกพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว ก็ต้องทำใจ และยังภูมิใจที่ลูกชายมีโอกาสรับใช้ชาติ

           พ่อของจ่าโทสหรัฐ ยังเล่าว่า ได้คุยกับเพื่อนของลูกที่รอดชีวิต เล่าว่า พยายามเกาะกลุ่มกันแล้ว แต่นาทีที่คลื่นซัด ทำให้หลุดจากกันและพลัดหลง ไม่เจอกันอีกเลย

          สำหรับจ่าโทสหรัฐ เข้ารับราชการทหารเรือ เมื่อปี 62 เพราะครอบครัวรับราชการทหารบกและทหารเรือหลายคน ทำให้น้องบูมอยากเป็นทหารตั้งแต่เด็ก ตนเคยคิดว่าเรือหลวงขนาดใหญ่ อย่างเรือหลวงสุโขทัย น่าจะไม่มีอันตราย  ก่อนปฏิบัตหน้าที่น่าจะมีการเช็คอุปกรณ์ก่อนการทำงานว่าพร้อมหรือไม่   แต่เหตุใดเรือหลวงขนาดใหญ่ถึงไม่เช็คความพร้อมของอุปกรณ์  ที่สำคัญความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ จนถึงช่วงเวลาที่เรือจม  มีเวลาตั้งนาน เหตุใดความช่วยเหลือถึงเข้าไปไม่ถึง ประเทศไทยเจริญมาก ควรมีเทคโนโลยีที่เข้าถึงให้ช่วยเหลือกันได้เร็วกว่านี้ ควรมีวิธีที่สามารถทำได้   ประเทศไทยมีทั้งกองทัพอากาศ กองทัพบก มีตำรวจ แต่ความช่วยเหลือกลับเข้าไม่ถึงเรือหลวงสุโขทัย