สาวยันถูกหนุ่มมอมยาพาเข้าโรงแรม ฝ่ายชายโต้ หวังดีเห็นว่าเมา ที่หยอดคำหวานแค่หมั่นไส้

วันที่ 16 ธ.ค. 65 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ พลอย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย, เอิร์ธ (นามสมมติ) พยานในเหตุการณ์, ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พร้อมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ ฟะ ผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง และ เบนซ์ หนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ถึงกรณีที่สาวร้องถูกหนุ่มมอมยาพาเข้าโรงแรมหวังข่มขืน

โดย พลอย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า วันดังกล่าวเธอได้ไปร่วมกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ร่วมงาน และได้มีการดื่มเหล้าปั่น ขณะไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ ก็ได้ดื่มเหล้าปั่นที่เหลืออยู่ แต่ตนรู้สึกว่ามีอาการแปลกไป มองภาพไม่ค่อยเห็น ตาลืมไม่ขึ้น หัวรู้เรื่อง หูได้ยิน แต่ยืนและนั่งไม่ได้ ซึ่ง “ฟะ” เพื่อนร่วมงานก็อาสาพาตนไปส่งที่บ้านเพื่อนในละแวกนั้น แต่ถูกพาไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งทั้งที่ไม่ได้สมยอม ตนพยายามขัดขืนและจำได้ว่าฝ่ายชายขึ้นคร่อมบนร่างกาย และจำได้ว่าฝ่ายชายเหลือบ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว

กรณีที่การเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 10,000 บาท นั้น เป็นแผนของตนที่พยายามหว่านล้อมให้อีกฝ่ายชะล่าใจว่าจะไม่ดำเนินคดี หลังจากนั้นเขาก็ทักแชทข้อความทำนองว่าได้ใกล้ชิดสัมผัสกับตน ซึ่งตนได้มีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 10,000 บาท ตลอด แต่อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยง และยังหยอดคำหวาน พร้อมพูดถึงความสัมพันธ์ในค่ำคืนนั้น

ขณะที่ “ฟะ” ผู้ที่ถูกกล่าวอ้าง ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ยืนยันว่า ตนและฝ่ายหญิงเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ได้จีบแค่บอกว่าชอบ ที่อาสาว่าจะพาไปส่งเพราะตอนนั้นฝ่ายหญิงเมามาก ขณะอยู่บนรถจักรยานยนต์ก็ไม่ได้สติและตนก็กลัวด่านตรวจด้วย จึงตัดสินใจไปเช่าโรงแรมหนึ่ง ส่วนที่ฝ่ายหญิงกล่าวอ้างว่าตนขึ้นคร่อมนั้นยืนยันว่าไม่จริง ตนบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำจริงๆ แล้วทำไมต้องรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ที่ใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวก็ไม่จริง

“กรณีทีไลน์ไปบอกว่าที่ห้ามใจตัวเองไม่ไหว มันคือท่อนฮุกไง มันมีดีเทลกว่านั้น ผมหมั่นไส้ที่อะไรก็มาพูดว่าหมื่นหนึ่ง เลยแหย่ๆ ไปว่า กูได้มึงแล้ว ขอโทษจะได้จบๆไป ที่บอกกลิ่นตัวห๊อมหอม คือ หมั่นไส้ มันจะเอาหมื่นหนึ่ง ผมก็หมั่นไส้ ผมก็ปั่น ก็ปั่นให้สุด มันถึงจะสนุก ผมก็บริสุทธิ์ใจ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไร” ฟะ ผู้ถูกกล่าวอ้าง กล่าว...