คลิปเต็มรายการ
ชาวพุทธเป็นงง สโลแกนลัทธิเชื่อมจิต ‘คัดเพชรจากเม็ดทราย’ จี้หน่วยงานดูแลจริงจัง
14 พ.ค. 2567
114 views
วันที่ 14 พ.ค. 67 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ รัก คำราม วิทยากรบรรยายธรรมะ, สรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสวัสดิการเด็ก ในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ, ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ถึงกรณีลัทธิเชื่อมจิต
นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็กในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก ได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่ทางเพจของกลุ่มเชื่อมจิต ได้ไลฟ์สดเหตุการณ์ ตอนที่ พม. ไปที่บ้านหลังนี้ โดยเป็นการไปตามคำเชิญของทางครอบครัว แล้วเหมือนลักษณะเป็นการที่ให้ พม. ไปนั่งฟังอบรม มากกว่าจะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอะไรได้
นายสรรพสิทธิ์ มองว่า การไปในลักษณะนี้ แปลว่าเขาไม่ได้ไปตามอำนาจหน้าที่ในการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็ก แต่ไปในฐานะแขก เหมือนถูกเชิญไปดื่มชากาแฟ ซึ่งถ้าตามหลักแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้ง มีอำนาจในการแยกตัวเด็กออกมาพูดคุย หาข้อเท็จจริงได้เลย โดยแยกไม่ให้พ่อแม่เข้ามายุ่ง ซึ่งตามหลัก ถ้าเห็นแนวโน้มว่าเด็กถูกกระทำ ถูกละเมิดสิทธิและสวัสดิภาพ พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปใช้อำนาจได้เลย ไม่ต้องรอ
แต่เคสนี้ดูแล้วมีความยากกว่านั้น ถ้าจะเทียบเคียงให้เห็นภาพ เวลาเราไปช่วยเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง ถูกทุบตี เขาจะเข้าห้าเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยเหลือเขาอยู่แล้ว แต่เคยมีบางเคส ที่เด็กสมัครใจ เต็มใจมาค้าประเวณีเอง แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วย เด็กจะไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งในเคสนี้อาจจะยากและซับซ้อนกว่านั้น
ล่าสุดทราบว่า ทาง พม.ไปขออำนาจศาลเพื่อเข้าไปจัดการในเรื่องนี้ เพราะทางครอบครัวไม่ได้ให้ความร่วมมือ หากศาลพิเคราะห์พฤติกรรม ก็จะพบว่าเด็กถูกกระทำความรุนแรงในอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่การถูกทุบตี แต่เป็นการใช้เด็กกระทำความผิด ตรงนี้ถ้าศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเป็นการกระทำความผิดจริง ก็มีสิทธิ์ สั่งห้ามให้เขาหยุดการกระทำ และถ้ายังฝ่าฝืน ก็มีโทษกักขัง จนกว่าจะหยุดการกระทำ หรือไม่ก็อาจจะให้เด็กมาอยู่ในการดูแลของทางการ
ส่วนที่ทางครอบครัว ไปร้องศาลเยาวชนและครอบครัว เอาผิดสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าว แปลว่าเขาอ้างความผิดตาม ม.27 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ได้พูดไปแล้วว่ามันไม่ใช่ คนที่กระทำต่อเด็กคือเขาเอง มันไปตรงกับคำพังเพยที่ว่า ‘โจรร้องจับขโมย’ คือตัวเองทำผิดเอง แต่ไปร้องเอาผิดคนอื่น มองว่าเหมือนเขาเอาบ่วงมาคล้องคอตัวเองมากกว่า เมื่อเขาเข้าไปสู่บ่วงของกฎหมายแล้ว ก็จะพบว่าการกระทำรุนแรงต่อเด็ก มาจากใครกันแน่
นอกจากนี้ในคลิปยังมีช่วงที่ทางเจ้าหน้าที่ พม. ถามเด็กชายว่า การวิปัสสนา คืออะไร เด็กชายตอบว่า วิปัสสนากรรมฐาน คือ การซูม ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย ในเรื่องนี้ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ชี้ว่าเป็นการจับแพะชนแกะ ไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่าการซูมที่ว่าคืออะไร และไม่ได้ตรงกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา คำว่า วิปัสนา และ กรรมฐาน ก็เป็นคนละคำ จะมากล่าวอ้างลอยๆ หรือพูดไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้มันผิด
ด้านอาจารย์รักคำราม ทำเรื่องสอนธรรมะมาเป็นสิบปี พาญาติธรรมศึกษาพระธรรม มีทัวร์บุญต่างๆ มีทำนายทายทักบ้าง แต่ไม่ได้เน้นในด้านนั้น จนมีครั้งหนึ่งมาเห็นเรื่องเชื่อมจิตของน้อง 8 ขวบนี้ เริ่มดังใน TikTok เห็นแล้วก็รู้สึกสะกิดใจ สนใจว่าทำได้อย่างไร ก็เลยลองเข้าไปศึกษา ไปดู ไปถ่ายทำรายการลงช่องยูทูบของเรา
ให้เขาสาธิตวิธีการเชื่อมจิต น้องคนนี้มาแตะที่หน้าผาก ทีมงานของตนเกิดอาการแปลกๆ หลับตาแต่เห็นแสงปรากฏขึ้น ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ต่อมาตนมีทัวร์บุญไปที่สุราษฎร์ ก็อยากจะขอพิสูจน์อีกครั้ง ก็เลยขอร้องให้ทางครอบครัวของน้อง มาทำพิธีเชื่อมจิตอีกได้ไหม โดยมีญาติธรรมที่ไปทัวร์บุญกับเรา โดยที่เราไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเชื่อมจิต มีคนไป 300 คน
น้องเขาก็มา มาทำพิธีเชื่อมจิต มาเดินแตะ มีบางคนบอกว่าเห็นแสงที่หน้าผากจริงๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนเห็นแล้วก็รู้สึกอยากศึกษาว่า การเชื่อมจิตมันเป็นอย่างไร ไอ้เรื่องที่มาว่าเขาเป็นอนาคามี เป็นองค์เพชรภัทร ตนไม่ได้สนใจ เท่าที่ทราบก็คือ การเชื่อมจิต เป็นการมาช่วยต่อยอด มาเคลียร์ เหมือนคนที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะช่วยต่อยอดให้เจริญ เป็นสโลแกนของเขาว่า “ตัดเพชรออกจากทราย” เพื่อค้นหาคนที่ใช่ ติดตามเขาไปสู่อีกยุคหนึ่งของพระศาสนา
พอช่วงบ่ายในวันนั้น เป็นช่วงที่น้องได้เดินขึ้นเวทีมาพูด เป็นที่มาของเหตุการณ์พูดเรื่อง พระพุทธเจ้าไม่ชอบดอกไม้สีเหลือง, เรื่องที่น้องจะไปพูดคุยกับปูติน เพราะพระพุทธศาสนาจะไปเผยแพร่ที่รัสเซีย ญาติธรรมได้ฟังแล้วก็เลยชื่นชอบ บอกว่าถ้ามีกิจกรรมแบบนี้อีก ขอให้เชิญมาด้วย ไม่กี่เดือนต่อมา ก็เลยจัดกิจกรรม 3,000 คน โดยเชิญน้อง 8 ขวบ มาเป็นวิทยากรรับเชิญ จัดที่ห้างดังย่านแจ้งวัฒนะ
สิ่งที่มันมาเกิดความขัดแย้งกันก็คือ สิ่งที่เขาพูด เขาสอน มันไปพาดพิงถึงพระศาสนา ซึ่งกิจกรรมของตนที่ขอให้เขามาพิสูจน์การเชื่อมจิต มันไม่ได้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เราเห็นว่าแบบนี้มันเริ่มไม่ตรงกันแล้ว เราไม่อยากให้กระทบถึงพระศาสนา ก็แยกกันออกมาด้วยดี ตอนที่เจอกันครั้งสุดท้ายก่อนจะแยกกัน เรายังขอเลี้ยงข้าวครอบครัวเขาอยู่เลย
แต่สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นปัญหา คือเรื่องของการสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแบบที่ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนจริงๆ คนที่เข้าไป เขาอาจจะไปด้วยความเชื่อ เรื่องปาฏิหาริย์อะไรก็ตามแต่ แต่ถ้าเขาไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องหลักธรรมคำสอน ก็อาจจะหลงผิดไปเชื่อตามเขา แล้วมันก็จะเสียหายกันไปหมด
แท็กที่เกี่ยวข้อง โหนกระแส ,รายการโหนกระแสล่าสุด ,ลัทธิเชื่อมจิต