รวบหนุ่มดาวเด่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย หลอกเหยื่อสูญ 150 ล้าน

ผู้ต้องหาหลอกหมอผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์สารภาพ หลังถูกตำรวจ PCT ตามรวบตัว เตรียมขยายผลจับกุมเพิ่มอีก 57 คน รวบคอลเซ็นเตอร์ปลอมเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย หลอกผู้เสียหายสูญเงินกว่า 150 ล้าน


แก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งตั้งฐานหลอกลวงคนไทยอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านมานานเกือบ 2 ปี และทราบกันดีว่าตัวการใหญ่เป็นชาวจีน ทำให้การจับกุมเป็นไปได้ยาก ที่ผ่านมาจึงจับกุมชาวจีนในระดับหัวแถวได้ไม่กี่คน และเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามติดตามทลายแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างต่อเนื่อง


และตึกประตูดำ 8 ชั้น เมืองปอยเปต กัมพูชา เป็นสถานที่ทำการของแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งย้ายมาใหม่ หลังถูกตำรวจไทยร่วมกับกัมพูชาบุกเมืองพระสีหนุเข้าทลายบ่อยครั้ง แต่การทลายก็เริ่มยากขึ้น เมื่อหัวหน้าแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวไต้หวันได้ทำประตูทางลับ การตัดแขนขาระดับหัวโจก จึงหลบหนีไปได้


แต่คนที่มีผลงานดี โดดเด่นจะได้รับอภิสิทธิ์พิเศษให้เข้า-ออก กลับบ้านได้อย่างอิสระ เมื่อ นายชลวิชา ปานสมุทร หรือเบียร์ อายุ 32 ปี ชาวบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ได้รับเงินส่วนแบ่งจากการหลอกได้ครั้งมโหฬาร เมื่อปลายเดือนกันยายน โดยหลอกแพทย์ ที่จังหวัดชุมพร ได้เงินกว่า 101 ล้านบาท ได้คอมมิชชั่นมา 2 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ยังหลอกเงินผู้สูงอายุได้ อีก 2 คน เป็นครูอำภา ครูเกษียณอายุ ได้เงิน 11 ล้านได้ส่วนแบ่ง 2 แสนบาท


และนายชาญชัย ผู้สูงอายุอีกคนได้เงินไป 41 ล้าน ได้ส่วนแบ่ง 1 ล้าน 5 แสนบาท แม้จะหลอกได้มากถึงกว่า 150 ล้านบาท แต่เงินก็ตกไปอยู่กับคนจีน ซึ่งเป็นนายทุน นายชลวิชาได้ส่วนแบ่งรวม 4 ล้าน จึงต้องการนำเงินที่หลอกคนไทยด้วยกัน มาใช้ เพราะอยู่ที่ปอยเปตออกไปไหนไม่ได้ มีเพียงเลี้ยงฉลองด้วยหมูกระทะเมื่อทำยอดเงินล้านได้ จึงอยากใช้เงินที่หลอกคนไทยด้วยกันมาได้ส่วนแบ่ง 4 ล้าน ลักลอบกลับเข้ามา


ในที่สุดถูกตำรวจ PCT เข้าจับกุมได้บริเวณลานจอดรถ ร้านเค้กบ้านสวน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่ทันได้ใช้เงิน โดยผู้ต้องหารายนี้ได้ลักลอบไปทำงานให้แก๊งคอลเซนเตอร์ได้ประมาณ 11 เดือน และเริ่มหลอกเป็นตั้งแต่ระดับสารวัตรในสาย 2 และหลอกได้แนบเนียน จนหัวหน้าแก๊งให้หลอกเป็นสาย 3 อ้างเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย


นายชลวิชา สารภาพว่า มีเพื่อนชื่อเต๋า ร่วมหลอกลวงด้วย และแก็งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งนี้มีพนักงานเป็นคนไทยประมาณ 50-60 คน ซึ่งมีคนไทยถูกออกหมายจับไปแล้ว 57 คน


จากการประชุมปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมา พบว่าปัญหาใหญ่คือกลุ่มบัญชีม้า และใช้ซิมการ์ดในการสมัครบัญชีทางออนไลน์ จึงต้องหามาตรการหากตรวจพบบัญชีม้าจะไม่อนุญาตให้ทำธุรกรรมทางออนไลน์ ต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร และการรับจ้างเปิดบัญชีจากมือถือจะไม่เกิน 50 หมายเลขต่อคน


ตั้งแต่มีนาคม พบผู้เสียหาย 100,000 ราย เฉลี่ยวันละหมื่นเคส ตัวเลขสูญเสียเฉลี่ยหมื่นล้านบาท เป็นกรณีหลอกลงทุนมากสุด รองลงมาคือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจ