อาชญากรรม

เปิดปากฆาตกร แชทลวงสาว หลอกให้รัก ก่อนขืนใจ-ทารุณปางตาย แฉพฤติกรรมเสพยาบ้า ขายบริการ-ถ่ายสยิวขายออนไลน์

โดย petchpawee_k

14 ต.ค. 2565

2K views

จับฆาตกร! แชทลวงสาวหลอกให้หลงรัก เสพยาบ้าซ้อมทารุณจนตาย สาวอีกรายถูกกักขังทำร้ายจนน่วมซี่โครง-กระดูกสันหลังหัก เหยื่อเผยทั้งน้ำตา“นึกว่าต้องตายไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้ ทนทุกข์ทรมานกว่า 1 เดือน” แฉฝ่ายชายมีพฤติกรรมชายรักชาย-ขายบริการ-ถ่ายอวัยวะเพศขายออนไลน์  แม่ลั่น “มันไม่ใช่คน แค้นถ้าเจอขอถีบหน้าสักที”


วานนี้ (13 ต.ค.) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นายธนเดช หรือ รุจอายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดี “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” มาสอบสวนที่กองปราบปราม หลังจากถูกจับได้ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ในจังหวัดพัทลุง


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.ค.65 เวลาประมาณ 20.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งว่าพบศพ น.ส.กมลเนตร อายุ 26 ปี เสียชีวิตอยู่ในบ้านเช่า แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ สภาพศพถูกทำร้ายร่างกายกะโหลกศีรษะแตก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง กระดูกสันหลังหัก กระดูกซี่โครงหัก จากการสืบสวนทราบว่า นายธนเดช ซึ่งเป็นแฟนของผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ


โดยนายธนเดช รู้จักกับผู้ตายผ่านทางแอปหาคู่ จากนั้นได้แชตคุยกัน โดยนายธนเดช ได้ชักชวนให้ผู้ตายมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าย่านอรุณอมรินทร์ และมีพฤติกรรมทำร้ายผู้ตายด้วยการซ้อม ทุบตี กระทืบ และกักขังไว้ในบ้านจนกระทั่งผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยทั้งคู่รู้จักกันไม่ถึง 1 เดือนจากนั้นนายธนเดชได้หลบหนีไป


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า นายธนเดช หลบหนีมาอยู่ในแมนชั่นแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองจ.พัทลุง และขณะนั้นมีหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกล่อลวงมากักขังอยู่ในห้องพักของนายธนเดช อีกด้วย จึงได้วางแผนเข้าทำการช่วยเหลือและจับกุม


โดยขณะเข้าทำการจับกุม พบ น.ส.เนย (นามสมมติ) อายุ 31 ปี อยู่ในห้องพัก สภาพถูกทำร้ายบาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำตามร่างกายจำนวนมาก ใบหน้าบวมช้ำจนผิดรูป จึงได้เข้าการจับกุมนายธนเดช และช่วยเหลือ น.ส.เนย ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลพัทลุง


ด้าน น.ส.เนย เมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าทำการช่วยเหลือ ได้ยกมือพนมขึ้นไหว้ พร้อมกล่าวว่า “นึกว่าจะต้องตายในห้องนี้แล้ว ไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้” โดยได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งน้ำตาว่า ตนรู้จักกับนายธนเดช เมื่อประมาณต้นเดือน ส.ค.65 ทางแอปหาคู่ จากนั้นแชทคุยกันประมาณ 1 เดือน นายธนเดช ได้ลวงให้ตนเดินทางมาหาที่จ.พัทลุง ด้วยการบอกว่ารักตนเองมากและอยากพบเจอ

ประมาณต้นเดือน ก.ย. 65 ตนจึงได้นั่งรถไฟมาจาก จ.ลำพูน มาที่กรุงเทพฯ จากนั้นนั่งรถไฟต่อจากกรุงเทพฯ มายังจ.พัทลุง เมื่อพบกันครั้งแรก ตนกลับต้องตกใจกับพฤติกรรมของนายธนเดช แสดงอาการหึงหวง ขณะที่นั่งทานข้าวโดยกล่าวหาว่าตนไปมองชายอื่น จึงนำจานใส่ข้าวมันไก่ที่ทานอยู่ปาใส่ใบหน้าของตน และใช้ถ้วยน้ำซุปเทราดศีรษะ


นายธนเดช ผู้ต้องหา ใช้กำลังตบตีตน โดยไม่สนใจบุคคลอื่นในตลาด และใช้กำลังฉุดกระชากตนมาที่ห้องพัก จากนั้นได้กักขังตนไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้ติดต่อกับผู้ใด และใช้กำลังทำร้ายร่างกายเรื่อยมา อีกทั้งนายธนเดช ยังเสพยาบ้าเมื่อมีอาการเมายาก็จะลงมือทำร้ายตนหนักขึ้นไปอีก ตนต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในห้องเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน


น.ส.เนย เปิดเผยว่า ฝ่ายชายมีอารมณ์รุนแรง ระแวง หากหนูมองหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ทั้งตบ ทั้งเตะ หรือมองหน้าเขา ก็ไม่ได้ โดนซ้อมตลอด นักข่าวสอบถามว่าพฤติกรรมของฝ่ายชายเป็นเช่นไร น.ส.เนย ระบุ เขามีนิสัยชายรักชายและขายตัว ชอบถ่ายภาพอวัยะเพศตัวเองส่งไปขายให้กับลูกค้าในสื่อออนไลน์ ได้เงินมาครั้งละ 200 บาท


นักข่าวถามว่ามีการเสพยาไหม น.ส.เนย บอกเห็นเขากินยาเม็ดสีฟ้าๆ ทุกครั้ง ก่อนที่จะนั่งเล่นเกมสล๊อต ส่วนยาเสพติดอื่นไม่เห็น แต่เขามีอารมณ์ฉุนเฉียวที่รุนแรง


ขณะที่นางศิ (นามสมมุติ) อายุ 61 ปี แม่ของ น.ส.เนย ได้ร้องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 ว่า ลูกสาวหายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.65 คาดว่าจะถูกล่อลวงไปโดยชายที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก แม่ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน แม่บอกลูกถูกทำร้ายและถูกถ่ายภาพโป๊เปลือยตามตัวมีร่องรอยเขียวช้ำ ส่งมาทางแชตเฟซบุ๊ก เกรงว่าจะเกิดอันตรายมากกว่านี้


โดยผู้ชายคนนั้นให้ลูกสาวโทรมาหาแม่ ให้ส่งเงินไปครั้งละ 10 ถึง 2,000 บาท อ้างว่าลูกไม่สบาย แต่แม่ไม่ให้ มีอยู่วันหนึ่งคนร้ายโทรศัพท์มาหาแม่และทำร้ายลูกสาวให้แม่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวด อีกทั้งยังบอกว่า จะฆ่าลูกสาวให้ตาย แม่จึงรีบแจ้งความและขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยลูกสาว “แม่เลี้ยงลูกไม่เคยทำร้ายลูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ดีใจที่ได้ลูก


กลับมา แค้นมากที่ทำกับลูกเรามีบาดแผล หัวอกจะแตกสลาย แม่อยากเจอมันอยากจะถามว่า มีสิทธิ์อะไรมาทำกับลูกแม่ ลูกแม่ก็คนเหมือนมึง โหดเกินไป ถ้าตำรวจไม่ห้ามขอถีบหน้าสักที”


สภาพลูกสาวถูกทำร้ายบอบช้ำทั้งตัว ตำรวจจึงนำส่งโรงพยาบาลพัทลุงทันที จากการตรวจร่างกายมีร่างกายเขียวช้ำทั้งตัว แพทย์ระบุเบื้องต้นมีเลือดออกช่องท้อง อาการสาหัสจึงส่งเข้าห้อง ICU /ตำรวจได้โทรมาแจ้งผลการตรวจร่างกายของลูกสาวเบื้องต้นว่า ซี่โครงข้างขวา ซี่ที่ 5-7 หัก ซี่โครงข้างซ้าย ซี่ที่ 5-10 หัก กระดูกสันหลังหัก ม้ามบาดเจ็บระดับ 1 ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู


ขณะนี้ทางโรงพยาบาลพัทลุง อยู่ระหว่างตรวจร่างกายอย่างละเอียดและให้การดูแลใกล้ชิด ซึ่งหลังจากแม่รู้ข่าวถึงกับร้องไห้สะอื้น ปล่อยโฮด้วยความเป็นห่วงลูกใจจะขาด พร้อมพูดว่า “มันไม่ใช่คน” โดยนางปวีณา ได้ปลอบใจและจะพาแม่ไปเยี่ยมลูกสาว


นักข่าวสอบถามไปยังนายแพทย์ จรุง บุญกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง เผยว่า อาการ น.ส.เนย ปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว ยังคงเฝ้าดูอาการและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 เดือนจากการตรวจของทีมแพทย์ พบผู้ทำร้ายทั้งบริเวณใบหน้า ที่เป็นแผลฟกช้ำ ดั้งจมูกหัก 1 ซี่ , กระดูกซี่โครงทั้งด้านซ้ายและขวาหักรวม 9 ซี่ , กระดูกสันหลัง บริเวณเอวและหลังหัก 3 ตำแหน่ง และนำจิตแพทย์มาร่วมฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วย


ภายหลังการจับกุมตำรวจกองปราบฯ ได้ควบคุมตัวนายธนเดช ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพัทลุง ก่อนควบคุมตัวมาที่กองปราบปราม กรุงเทพฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาออกจากห้องขังของ สน.บางยี่ขัน มาสอบปากคำ นักข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาว่าทำไมถึงทำกับผู้หญิงแบบนั้น? เจ้าตัวตอบว่า “บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องจริงมันก็มีอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง” เมื่อถามว่ามีปัญหาอะไรกันถึงได้ทำร้ายขนาดนั้น ผู้ต้องหาตอบว่า “ไม่มี” ถามว่าเสพยาหรือเปล่า ผู้ต้องหาบอก “เอาเป็นว่าผิดทุกอย่างละกันครับ”


หลังสอบปากคำเสร็จ นักข่าวยื่นไมค์ถามอีกครั้ง ผู้ต้องหาอ้างว่า เคส น.ส.เนย ตนไม่ได้กักขัง เขามาหาเองและทะเลาะกับแฟนของตน ยืนยันไม่ได้แชตหลอกล่อให้มาหา ใครจะโง่ ตนแฟนเยอะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ทำร้ายร่างกายน.ส.เนย แฟนของตนเป็นคนทำร้ายตบตีเพราะหึงหวงตน เรื่องขู่จะฆ่า น.ส.เนย ไม่ใช่เรื่องจริง ตนไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น มันเป็นโชคชะตา ตนคุยได้แค่นี้ เรื่องเสพยาก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ผมไม่ได้ลักขโมยใคร ยอมรับเสพจริง ส่วนที่ทำร้ายร่างกาย น.ส.กมลเนตร  เสียชีวิต สารภาพก่อเหตุจริงไม่ได้ตั้งใจเพราะความหึงหวง และบอกนักข่าวนำเสนอข่าวตามความเป็นจริงบ้าง


จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การว่า เคยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่หลังจากพ้นโทษออกมาก็ไม่ได้ประกอบอาชีพ เงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันได้มาจากการเล่นพนัน และขอจากหญิงสาวที่แชตคุยด้วย รับสารภาพเป็นผู้ลงมือทำร้าย น.ส.กมลเนตร จนถึงแก่ความตาย และ น.ส.เนย จนได้รับบาดเจ็บจริง สาเหตุที่กระทำกับเหยื่อแต่ละคนตนไม่ได้ตั้งใจลงมือ แต่ทำไปเนื่องมาจากความรักและความหึงหวงตนควบคุมอารมณ์ไม่ได้จึงพลั้งมือทำร้าย


จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ที่ผ่านมา นายธนเดช มีพฤติกรรมแชตคุยกับหญิงสาว โดยจะบอกว่ารักและขอนัดเจอ เมื่อผู้หญิงหลงเชื่อ จะพามากักขังที่ห้องพัก จากนั้นจะลงมือทำร้ายร่างกายเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัส โดยเชื่อว่าอาจมีเหยื่อรายอื่นที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกหลายรายซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป


พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพบว่าผู้ต้องหามักจะใช้วิธีหลอกผู้หญิงผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่อยู่เป็นประจำ และจะขอนัดเจอก่อนที่จะพามากักขังที่ห้อง และทำร้ายร่ายกาย ซึ่งตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้หญิงที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกจำนวนมาก บางคนถูกบังคับให้ญาติโอนเงินมาด้วย


สำหรับนายธนเดช มีประวัติเคยก่อเหตุหลายคดี ทั้งคดียาเสพติดและคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ


-พ.ศ.2557 ถูกดำเนินคดีข้อหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ที่ สน.พระราชวัง

-พ.ศ.2558 ถูกดำเนินคดีข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ที่ สน.บางยี่ขัน

-พ.ศ.2559 ถูกดำเนินคดีข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.บางยี่เรือ โดยถูกศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี 16 เดือน ต่อมาได้รับการลดหย่อนโทษ ถูกจำคุกจริง 5 ปี 10 เดือน และพ้นโทษออกมา เมื่อ เดือนมกราคมพ.ศ. 2564

- 21 ก.ค.2565 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน


ทั้งนี้ก่อนที่จะถูกจับ เจ้าของอะพาร์ตเมนต์ให้ข้อมูลว่า นายธนเดช ได้เข้ามาเช่าห้องพักอยู่ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา โดยเข้าพักอยู่บริเวณชั้น 3 ของอะพาร์ตเมนต์ ตอนแรกที่มาพัก นายธนเดช ได้เดินทางมาพักเพียงคนเดียว หลังจากนั้นไม่นาน นางสาวเนย (นามสมมุติ) หญิงสาวที่ถูกทำร้ายตามเข้ามาพักด้วยภายหลัง และจากนั้นก็ไม่เคยนางสาวเนยอีกเลย


ทางเจ้าของอะพาร์ตเมนต์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา คนในอะพาร์ตเมนต์ไม่เคยได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายกันภายในห้องพัก หรือ เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลย อาจเป็นเพราะชั้น 3 ที่นายธนเดชพัก อยู่ห้องริมสุดท้ายของชั้น 3 ซึ่งจะไม่ติดกับผู้เช่าพักห้องอื่น ประกอบกับ ตนเองก็พักอยู่บริเวณชั้น 2 ของอะพาร์ตเมนต์ทำให้ไม่ได้ยินเสียง


และตนเองก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับนายธนเดชเท่าไหร่ ทุกครั้งที่เจอ เจ้าตัวก็จะยิ้มทักทายกันปกติเท่านั้น และไม่เคยเห็นนายธนเดช พานางสาวเนยขึ้นลงอะพาร์ตเมนต์เลยด้วยซ้ำ และคิดว่า นายธนเดช อยู่คนเดียวมาตลอด มารู้อีกทีเมื่อวานนี้ ตกใจมากที่ตำรวจกองปราบ นำกำลังขึ้นไปปิดล้อมจับกุมนายธนเดช บนอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งตนเองก็ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี


ไม่คิดเลยว่า นางสาวเนย ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ตนเองเคยเห็นช่วงแรกๆ จะถูกขังอยู่ภายในอะพาร์ตเมนต์ของตนเอง และพอเห็นสภาพหน้าตาที่ปูดบวดจากการถูกทำร้ายอย่างหนักของนางสาวเนยแล้วก็สงสารมาก และอยากให้ตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


เสียใจมากที่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นภายในอะพาร์ตเมนต์ หากรู้ก็คงไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน โชคดีที่ตำรวจบุกมาจับเสียก่อน หากช้าไปอีกไม่นาน นางสาวเนยอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้


พ่อค้าขายอาหารตามสั่ง ซึ่งอยู่ห่างจากอะพาร์ตเมนต์เพียง 50 เมตร ให้ข้อมูลว่า ตัวผู้ต้องหาก่อนจะถูกตำรวจจับ เป็นลูกค้าประจำ มากินข้าวร้านตนเองเป็นประจำทุกวัน โดยแวะมากินข้าวที่ร้านประมาณ 15 วันได้แล้ว โดยทุกครั้งที่มาจะเลือกสั่งกระเพราะหมู และข้าวหมูกรอบ เพราะผู้ต้องหาชมว่า หมูกรอบร้านตนเองอร่อยที่สุด


แต่ทุกครั้งที่ผู้ต้องหามากินข้าวที่ร้าน จะไม่เคยพาแฟนสาวมานั่งกินด้วยสักครั้ง แต่จะสั่งข้าวและน้ำเพิ่มอีก 1 ชุด อ้างว่า จะเอาไปให้แฟนสาวที่พักอยู่บนอะพาร์ตเมนต์


ส่วนนิสัยใจคอเท่าที่พูดคุย เจ้าตัวเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน บางทีนั่งกินข้าวอยู่ ก็มักจะแชทและโทรศัพท์คุยกับสาวคนอื่น และแกล้งบอกตนเองว่า พี่แป๊ปนึงนะ เดี๋ยวขอคุยกับกิ๊กก่อน และตนเองก็มักจะเห็นผู้ต้องหา โทรคุยกับสาวทุกครั้ง ก่อนจะเอาข้าวขึ้นไปให้แฟนสาว


มีอยู่วันหนึ่ง ตนเองได้ยินเจ้าตัวพูดกับสาวในโทรศัพท์ว่า พี่อยากเจอผมไหม ถ้าพี่อยากเจอ พี่นัดผมมาได้เลยนะ เดี๋ยวผมจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้เลย ซึ่งตนเองเชื่อว่า ไม่ใช่นางสาวเนย ที่ถูกผู้ต้องหาล่อลวงมาทำร้าย และอาจจะเหยื่อผู้หญิงคนอื่นๆ อีก อยากให้ตำรวจลองชยายผลจากการค้นประวัติแชทในโทรศัพท์ผู้ต้องหาดู


ตนเองยอมรับว่า หลังตำรวจบุกมาจับนายธนเดช ตนเองไม่คิดเลยว่า เจ้าตัวจะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมขนาดนี้ พอมารู้ประวัติที่ก่อคดียาวเป็นหางว่าว ก็ยิ่งเหลือเชื่อ เพราะเจ้าตัว ใช้ชีวิตปกติมาก ไม่ดูมีพิรุธเหมือนคนกำลังหนีคดีมาเลย ขนาดอะพาร์ตเมนต์ดังกล่าวอยู่ห่างจาก สภ.เมืองพัทลุง เพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/i8WY6gOLvIU

คุณอาจสนใจ