สังคม
โอมิครอนกลายพันธุ์มาใหม่ 'BQ.1.1' เหลนของ 'BA.5' แพร่ระบาดรวดเร็วที่สุดในโลก
โดย weerawit_c
25 ก.ย. 2565
799 views
เพจเฟซบุ๊ก 'Center for Medical Genomics' ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลโควิด-19 ระบุว่า "“BQ.1.1” เหลนของโอไมครอน BA.5 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามต่างจาก BA.5 สามตำแหน่ง คือ R346T, K444T และ N460K มีแนวโน้มที่จะระบาดมาแทนที่ “BA.5” และ “BA.2.75.2”
ขณะนี้จำนวนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจากการติดเชื้อตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลายประเทศได้ปรับสถานะให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น
ภูมิคุ้มกันในมนุษย์ทั่วโลกที่มีเพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันให้ไวรัสต้องเร่งกลายพันธุ์เพื่อความอยู่รอดโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงบริเวณส่วนหนามที่อยู่เปลือกนอกของอนุภาคไวรัสเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันให้สามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนตราบนานเท่านาน
จากการประสานความร่วมมือของ “นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกในยุคดิจิทัล” ได้ร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา-2019 ทั้งจีโนม อัปโหลด และ แชร์ไว้บนฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” ทำให้เราสามารถรู้เท่าทันการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกได้ในแบบเรียลไทม์
ในระหว่างที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังติดตามเฝ้าระวังการระบาดของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย “BA.2.75.2” ที่พบการระบาดในอินเดียเป็นประเทศแรกและแพร่ไปทั่วโลกโดยเข้ามาแทนที่ BA.5 และ BA.4.6 อย่างช้าๆ ก็สามารถตรวจพบโอไมครอน "รุ่นเหลนของ BA.5" ตัวใหม่ในประเทศอังกฤษ มีชื่อว่า BA.5.3.1.1.1.1(.1) หรือ “BQ.1.1”
โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่มีการกลายพันธุ์เกินหน้าและมีแนวโน้มที่อาจมาแทนที่โอไมครอน BA.5 ที่เป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ คือ
BA.5.3.1.1.1.1(.1) / BQ.1.1
BA.2.3.20
BA.2.75.6.1 / BY.1
BA.2.75.5.1 / BN.1
BA.2.75.2
BA.5.2.1.7 / BF.7
โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังพุ่งความสนใจไปที่ BQ.1.1 มากที่สุดเนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษตรวจพบตัวอย่างแรกเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ขณะนี้ (22 กันยายน 2565) พบในฐานข้อมูล “GISAID” แล้ว 28 ราย โดยทั้งโลกพบแล้ว 78 ราย เรียงตามจำนวนตัวอย่างที่พบคือประเทศ อังกฤษ, สหรัฐ, ฝรั่งเศส,ออสเตรเลีย,อิตาลี,เดนมาร์ก,เบลเยียม, ญี่ปุ่น,ออสเตรีย, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี
โอไมครอน BQ.1.1 ซึ่งเป็นเหลนของ BA.5 มีการกลายพันธุ์บนส่วนหนาม 3 ตำแหน่ง คือ R346T, K444T and N460K ที่ต่างไปจาก BA.5 และเหมือนกับ BA.4/BA.5 อีก 4 ตำแหน่งคือ 69-70 ที่ขาดหายจากจีโนม, L452R, R493Q, และ F486V
โอไมครอน BQ.1.1 กลายพันธุ์บนส่วนหนาม 6 ตำแหน่ง ต่างไปจาก BA.2.75.2 คือ 69-70 ที่ขาดหายจากจีโนม, L452R, K444T, G339D, และ F486V
จะเห็นได้ว่าตำแหน่งการกลายพันธุ์บนส่วนหนามในแต่ละสายพันธุ์ย่อยเริ่มคล้ายคลึงกัน กล่าวคือมีลักษณะของการวิวัฒนาการรูปแบบของ “convergent evolution” คือต่างสายพันธุ์กันแต่มีการพัฒนาลักษณะที่คล้ายกันเช่นปีกของนก แมลง และค้างคาว เพื่อตอบสนองเนื่องจากการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง (หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน)
ยังไม่พบโอไมครอน BQ.1.1 ในประเทศไทย
BQ.1.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) มากกว่า BA.5 ประมาณ 5.3 เท่า (531%) และมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) มากกว่า BA.2.75.2 ประมาณ 3.2 เท่า (327%) ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดรวดเร็วที่สุดในโลกในขณะนี้ ส่วนอาการความรุนแรงของการติดเชื้อยังไม่พบความแตกต่างจาก BA.5 อย่างมีนัยสำคัญ"
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/DH19qB0izqE
แท็กที่เกี่ยวข้อง ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ,โอมิครอนกลายพันธุ์ ,BA5 ,โควิด19 ,BQ11