ข่าวโซเชียล

‘พระชาตรี’ ขอโทษ ‘แพรรี่’ ยันไม่คิดแจ้งความ-ไม่รู้จักทนายธรรมราช พร้อมโชว์เอกสาร จบป.เอก-หนังสือสุทธิ

โดย petchpawee_k

24 ก.ย. 2565

7.5K views

จากกรณี แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ไลฟ์สด โต้ตอบ พระชาตรี เหมพันธ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร วัดไทยแห่งเดียวใน นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ซึ่งออกมาไลฟ์พาดพิงแพรรี่ว่า เนรคุณศาสนา และยังเรียก "อี" นำหน้าชื่อ จนกลายเป็นดราม่าบนโลกโซเชียล

ซึ่งต่อมา เพจของ "ทนายธรรมราช The Lawyer of legality" ได้โพสต์ขณะไปแจ้งความเอาผิด แพรรี่ ที่โรงพักเมืองฉะเชิงเทรา ในข้อหาความผิดดูหมิ่นพระชาตรี หรือคณะสงฆ์ทำให้คณะสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสีย


ทั้งยังระบุว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา รับคำกล่าวโทษไว้แล้วตามระเบียบ จึงบันทึกไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ถูกกล่าวโทษต่อไป หากพระอาจารย์ชาตรี ประสงค์จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ แพรี่ ไพรวัลย์ อีกคดีนึง ตนก็ยินดีเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้


ก่อนที่ แพรรี่ จะออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ระบุว่า "ไปร้องเลยค่ะ เดี๋ยวเจอดิฉันร้องกลับแน่นอน รายการไหนว่ามาค่ะ นักร้องข้ามกำแพงดีไหมคะ ถ้าคิดว่าตัวเองร้องเก่ง เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มนะคะ ดิฉันเตือนแล้ว


แล้วเรื่องคณะสงฆ์เนี่ยหลักฐานมากมายก่ายกองเลยค่ะ จะเอาเรื่องไหนก่อน สร้างความเสื่อมศรัทธาไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ดิฉันไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งใส่ร้ายป้ายสีใครให้เสียเวลาหลอกค่ะ คนมีสติปัญญาเขาดูออก"


อย่างไรก็ตาม วานนี้ (วันที่ 23 ก.ย.) ทางแพรรี่ ได้ไปออกรายการโหนกระแส เพื่อพูดคุยถึงกรณีที่ถูกทนายแจ้งข้อหา โดยมีทนายคนดังกล่าว โฟนอินเข้ามาในรายการ กระทั่งเกิดวิวาทะกันกลางรายการ ซึ่งทางทนายยืนยันว่า จะดำเนินการต่อตามกฎหมาย ไม่ถอนแจ้งความแต่อย่างใด


หลังจบรายการ แพรรี่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ดิฉันอยากเรียนให้ทราบว่า บัดนี้ดิฉันได้มอบอำนาจให้ทนายความของดิฉัน ไปคัดลอกการลงบันทึกประจำวัน ซึ่งทนายคนหนึ่ง ไปแจ้งความร้องทุกข์ดิฉันไว้


หากข้อความในบันทึกประจำวัน มีส่วนไหนที่ระบุเจาะจงตรงตัว และกล่าวหาดิฉันด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ดิฉันจะสู้คดีและดำเนินคดีกลับด้วยโทษทางอาญาเช่นเดียวกัน


พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิคคณฺเห นิคฺคารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคารหํ ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง เรื่องนี้มีคนสมควรได้รับบทเรียนค่ะ"


ขณะที่ ทนายพีร์ ไชยหาญ ซึ่งเป็นทนายความที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ส่วนตัวผมมองว่า..แพรรี่ด่าพระชาตรีเพราะป้องกันส่วนได้เสียตามคลองธรรม ด้วยเหตุเพราะถูกพระชาตรีด่าก่อน ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และไม่ใช่การใส่ความคณะสงฆ์ ตามที่ทนายคนนั้นไปแจ้งความ


งานนี้เดิมพันกันด้วยใบอนุญาตว่าความ หากศาลยกฟ้อง ทนายคนนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะโดนแพรรี่ฟ้องกลับ และถูกถอนใบอนุญาตว่าความ #แสงช่างจ้าซะเหลือเกิน"


ด้าน  พระชาตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Chatree Hemapandha ข้อความว่า “คนเราเมื่อผิดต้องกล้ารับผิด พี่หลวงต้องขอโทษน้องแพรรี่ ที่ก้าวล่วง เห็นด้วยกับความเห็นและทัศนคติของน้องทุกประการ จงอโหสิกรรม”

---------------------------------------------------

ต่อมา แพรรี่  ได้โพสต์ข้อความอีกว่า ดิฉันเห็นแล้วนะคะที่ E ลุงครึ่งพระครึ่งฆราวาส มันเขียนบทความถึงดิฉัน แค่มันขึ้นต้นว่า กราบนมัสการ (อลัชชี) ที่เคารพ ดิฉันก็ไม่คุยกับมันแล้วค่ะ ป่วยการที่จะพูดกับคนแก่ที่สมองทึบแบบนั้น


พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้นะคะ โคย่อมไปสู่สำนักของโค เช่นกันค่ะ ดิฉันเสริมว่า กระบือก็ย่อมไปสู่สำนักของกระบือค่ะ อลัชชีย่อมคบหาอลัชชี พวกอธรรมวาที ย่อมซ้องเสพด้วยอธรรมวาที


คนชื่นชมคนเช่นไร ก็มักเป็นคนเช่นนั้นแหล่ะค่ะ โบราณว่า คนศีลเสมอกัน มันจึงอยู่ด้วยกันได้ คนถ้าไม่ประพฤติตัวแบบเดียวกัน มันจะมายกย่องกันหรอคะ


ดิฉันยืนยันอีกครั้งนะคะว่า ดิฉันมีข้อมูลการประพฤติอนาจารของพระอลัชชีรูปนั้นเยอะมากๆ สร้างเรื่องสร้างราว ตั้งแต่สมัยอยู่วัดพุทธปัญญา สั่งการให้ต่อยตีทำร้ายพระรูปอื่นจนเลือดตกยางออก ยักยอกเปลี่ยนถ่ายเงินในบัญชีสมัยเป็นรักษาการเจ้าอาวาส จนเงินหายไปจากบัญชี 4 ล้านกว่าบาทอย่างมีพิรุจ มีเอกสารอยู่ที่สำนักงานเจ้าคณะตำบลบางเขนนะคะ สามารถไปขอดูได้


ดิฉันออกจะแปลกใจว่า E ลุงครึ่งพระครึ่งฆราวาสนี่มันฉลาดหลายเรื่องนะคะ ทำตัวสู่รู้เป็นขงเบ้งชอบถือพัดโบกไปมา ก่อวีรกรรมไปทั่ว ก่นด่าวัดนั้นวัดนี้ เช่นที่ทำกับวัดพระธรรมกายบ้าง วัดปากน้ำบ้าง

ไม่ว่ากันนะคะ ในเรื่องการวิจารณ์ ตำหนิ

แต่ที่ดิฉันสงสัย คือกับเรื่องพระอลัชชีนี่ E ตาลุงครึ่งผีครึ่งคนดันทำตีมึน เหมือนไม่รู้ตื่นลึกหนาบางอะไรซะอย่างนั้น หรือแกอาจตั้งใจทำมึนก็ได้นะคะ

สำหรับดิฉันคนพวกนี้จริงๆแล้ว ไม่ค่อยมีสติปัญญาอะไรหรอกค่ะ ขอแค่ความเห็นทางการเมืองต่างจากมัน มันก็พร้อมจะกระโดดงับขาหรือ แยกเขี้ยวใส่แบบไม่ดูสี่ดูแปดอยู่แล้ว

ดิฉันอ่านบทความของมันแล้ว ก็ได้แต่สมเพสเวทนา นี่ไม่นับเรื่องทำทีมาพูดเรื่องกิริยาส่อสถุลกับดิฉันอีกนะคะ กล้ามากมึ! โอ๊ยย คือแถวนั้นไม่มีกระจก ?

ดิฉันไม่อยากลู่กับกระเบื้อง ไปย้อนดูสิ่งที่ตาลุงนี่ทำกันเองแล้วกันนะคะ จะรู้ว่าที่ว่า กิริยาส่อสกุลจริงๆ มันเป็นยังไง

-----------------------------------------  

ซึ่งโพสต์ที่แพรรี่ หมายถึง คือโพสต์ที่ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส.  ได่โพสต์ ผ่านเฟซบุ๊ก  มีข้อความว่า


“สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล การกระทำส่อความเป็นชาติสกุล”  ๒๓ กันยายน ๒๕๖๕   กราบนมัสการท่านอาจารย์ชาตรีที่เคารพ

เห็นคลิปท่านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เคยบวชอาศัยผ้าเหลือง เพื่อเรียนรู้ศึกษาจนยกระดับตนเอง จากเด็กบ้านนอกที่สุด แสนจะคับแคบอนาถา กลับกลายเป็นพระมหา ๒ เพศ  ก็พอเข้าใจในความคาดหวังที่สังคมไทยมีต่อคนระดับมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ จนสำเร็จปริญญาโท ว่าจะบวชหรือสึก ก็คงจะเป็นต้นแบบที่ดีของผู้คนในสังคม



แต่สิ่งที่สังคมเห็น ท่านอาจารย์ดูจากบุคคลที่เคยบวชเข้ามาถึง ๑๘ ปี (นับแต่แต่บวชเณร) แต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับคนที่มัวเมากับการหาอยู่หากินกับกามคุณอย่างลุ่มหลง ประมาท จึงทำให้สังคมและท่านอาจารย์ผิดหวัง

มาวันนี้เขาได้เปลี่ยนสถานะจากพระมหาเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง แสดงพฤติกรรม กิริยา วาจา รุกรานผู้มีศีลโดยไม่สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ


หากผู้มีศีลนั้นกระทำพฤติกรรม ละเมิดศีล ละเมิดพระวินัย ละเมิดอุดมการณ์ของพระบรมศาสดา เช่นนั้นก็สมควรถูกด่า ถูกประจาน  การที่ท่านพระอาจารย์ชาตรีออกมาเตือนหรืออีกฝ่ายจะเรียกออกมาด่าก็ตามที  โดยสามัญสำนึกของปราชญ์ ของบัณฑิต วิญญูชน จะต้องหันมามองตนเอง สำรวจดูว่า  เออ..เรามีอะไรที่บกพร่อง ผิดพลาดที่กระทำการไป พูดไป คิดไป ทำให้สื่อให้เห็นว่า เราเป็นคนพาล คนขาดศีลธรรม


แล้วปรับปรุงตนให้ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเหล่านี้คือ คุณลักษณะของบัณฑิต  แต่คนที่ท่านอาจารย์วิพากษ์ หาใช่ผู้ที่เป็นบัณฑิตไม่  ท่านอาจารย์ครับ ชีวิตของความเป็นนักบวชของท่านได้เดินมาในเส้นทางแห่งวิถีพุทธ ที่สง่างดงามดีแล้ว อย่าลดตนเองลงมาเกลือกกลั้วกับคนพาลเลย


สิ่งที่ท่านทำผู้คนทั้งประเทศรวมทั้งชาวรัสเซียเขารับรู้ เขาสัมผัสได้ นิมนต์ให้มุ่งมั่น เผยแผ่อุดมการณ์ของพระบรมศาสดาให้กว้างไกลไปทั่วโลก อย่ามาให้ราคากับคนพาลเลยท่าน


ดังภาษิตที่กล่าวไว้ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล คบคนชั่ว จักพาตัวอัปมงคล จักพาตน เสียใจเพราะพาลพา  ท่านอาจารย์เป็นคนใต้ คงจะเคยได้ยินคำพังเพยที่คนใต้ คนเก่าเขาจะมักเปรียบเปรย พูดสอนลูกหลานเอาไว้ว่า    “อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้”   


สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ของคนพาลที่มากไปด้วยอัตตา ตัวกูใหญ่จนใครๆ ไม่สามารถมาแตะต้อง ตักเตือนได้ บัณฑิตทั้งหลายจึงควรอยู่ให้ห่างไกล

----------------------------------------------------------------


วานนี้ (วันที่ 23 ก.ย.) พระชาตรี ได้ให้สัมภาษณ์ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ยืนยันว่า เป็นพระสงฆ์วัดชลประทานฯ จริงๆ ในการต่ออายุหนังสือเดินทางพระธรรมทูตในต่างประเทศ จะต้องมีการทำหนังสือขออนุญาตจากมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งก็มีการตรวจสอบข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว การที่ทางเจ้าหน้าที่วัดชลประทานฯ ออกมาปฏิเสธนั้น น่าจะเข้าใจผิด และเป็นเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่จึงไม่รู้จักตน


ส่วนเรื่องการกู้เงินนั้น ไม่ใช่จำนวน 1 ล้านบาท แต่เป็นจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งนำมาใช้สร้างวัดที่รัสเซีย และเคลียร์ไปหมดแล้ว ขณะที่ตำแหน่งทางวิชาการต่างๆ ตนมีเอกสารยืนยันทั้งหมด เรื่องแบบนี้พูดเองไม่ได้แน่นอน ขณะที่การฟ้องร้องนั้น ไม่เคยคิด และไม่คิดจะฟ้องด้วย และยืนยันว่าไม่รู้จักทนายธรรมราชที่ไปยื่นกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ แพรรี่ ไพรวัลย์ ด้วย


นอกจากนี้พระชาตรี ยังได้โชว์เอกสารยืนยันการจบการศึกษาระดับปริญญาโทและเอก หนังสือสุทธิ และหนังสือยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ ม.เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ด้วย


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/23jHhtq3s_E

คุณอาจสนใจ