กรมวิทย์ฯ ยืนยัน ไทยพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน BA.2.75.2 ซึ่งหลบภูมิดีที่สุด แล้ว 1 ราย

จากที่ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ระบุพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2.75.2 เจเนเรชั่นที่ 3 ซึ่งหลบภูมิได้ดีที่สุด จำนวน 1 รายในไทย (ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก โอมิครอน BA.2.75


ช่วงบ่ายวันนี้ (14 ก.ย.) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในไทย ว่า ผลการสุ่มตรวจจำแนกสายพันธุ์ กับผู้ป่วย 359 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา


ภาพรวมประเทศเป็น BA.4 BA.5 ร้อยละ 93 ที่เหลือเป็น BA.1 BA.2 และ BA.2.75 โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่าเป็น BA.4 BA.5 ร้อยละ 92 ส่วนภูมิภาคพบ ร้อยละ 94 นอกจากนี้ยังคงพบ สายพันธุ์ BA.2.75 มี 5 ราย


ทั้งนี้ เมื่อถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อหาสายพันธุ์ทั้งตัว ในผู้ป่วย 803 ราย พบ มีสายพันธุ์ BA.2.75 มี 9 ราย ใน จ.แพร่ 2 รายตรัง และสงขลา จังหวัดละ 1 ราย ส่วนกทม.พบ 5 ราย เป็นสายพันธุ์ BA.2.75 จำนวน 2 ราย และสายพันธุ์ย่อย BA.2.75.1 BA.2.75.2 และ BA.2.75.3 อย่างละ 1 ราย ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของโลก ที่ BA.5 ที่มีการขยับตัวสูง ขณะที่ ba.4 มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ ba.2.75 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


นพ.ศุกิจ บอกว่า การกลายพันธุ์เป็นเรื่องธรรมชาติของไวรัส นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังจับตามอง ว่าการกลายพันธุ์ จะมีความเกี่ยวเนื่องของการหลบวัคซีนหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของอะมิโนที่อยู่ในสายพันธุ์ของไวรัส ที่อาจส่งผลให้เกิดความรุนแรง และแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น


ซึ่งกรมวิทย์ฯ ได้ร่วมมือกับเครือข่ายตรวจหาสายพันธุ์ทั่วโลก เพื่อเฝ้าระวังการกลายพันธุ์และส่งรายงานในระบบGISAID และยืนยันว่า ไทยยังคงพบสายพันธุ์ BA .5 เป็นหลัก ที่สัดส่วน 85% ส่วนBA.2.75 รวมถึงสายพันธุ์ย่อยเพียง 1% ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ รายงานของโลก ขอประชาชนอย่ากังวล


สำหรับโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ชื่อย่อ BA.2 (เจน 1) กลายพันธุ์เป็น BA.2 .75 (เจน 2) กลายพันธุ์จากไวรัสเดิม (อู่ฮั่น) 95-100 ตำแหน่ง เชื้อไวรัสเติบโตและแพร่ระบาดเร็ว 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ขณะที่ BA.2 .75 .2 (เจน 3) มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาดถึง 248 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับBA.2 .75 ที่ระบาดในอินเดีย