สังคม

หญิงแชร์ประสบการณ์งูกะปะกัดนิ้วมือ แผลเน่าเปื่อย หวิดโดนตัดนิ้วทิ้ง

โดย onjira_n

4 ก.ย. 2565

848 views

นางสาวมาลี อายุ 53 ปี อยู่ อ.มะนัง จ.สตูลได้เล่าประสบการณ์ หลังจากถูกงูกัดจนหวั่นว่าจะถูกตัดนิ้วทิ้ง ขอให้ทำทุกอย่างด้วยความไม่ประมาท โดยเล่าว่าตนถูกงูกะปะตัวใหญ่ความยาวประมาณ 50 เซนติเมตรกัดเข้าที่ปลายนิ้วก้อย ขณะที่กำลังถอนหญ้าในไร่ขมิ้นที่ปลูกไว้ จนทำนิ้วของตนเกิดแผลเน่าเปื่อยเหมือนโดนน้ำร้อนลวก จนหมอบอกให้ตัดทิ้งเพื่อกันลุกลาม

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา ตนกับลูกจ้างอีก 2 คนเข้าไปถอนหญ้าในไร่ขมิ้นที่ปลูกไว้ตามปกติทุกวัน จนกระทั่งเวลา11.00 น. ขณะที่กำลังก้มถอนหญ้าอยู่เพลินๆก็เหมือนโดนหนามอะไรตำนิ้วมือตรงนิ้วก้อยด้านขวา และรู้สึกปวดตรงบาดแผลอย่างมาก ด้วยความที่สงสัยบวกกับความเจ็บจึงก้มลงไปดูจึงเห็นงูกะปะตัวใหญ่นอนอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว จึงมั่นใจว่าที่ตนเองโดนไม่ใช่หนามแต่เป็นงูกะปะตัวนั้นกัดแน่นอน จึงรีบถอดถุงมือดู ก็เห็นมีรอยเขี้ยว1เขี้ยวตรงบริเวณนิ้วก้อย ทีมี1เขี้ยวคงเป็นเพราะถุงมือที่ตนเองใส่ พื้นของถุงมือฝั่งข้างล่างเป็นยางจึงทำให้อีกเขี้ยวเจาะไม่ทะลุ ส่วนด้านบนเป็นผ้าจึงทำให้ทะลุได้ง่าย

ต่อมา ลูกจ้างของตนก็ได้รีบนำตนไปโรงพยาบาลมะนัง เนื่องจากตนเองเจ็บปวดมากและความดันโลหิตขึ้นสูงจึงได้ส่งตัวเข้ารับรักษาที่รพ.สตูล เมื่อถึงรพ.สตูลหมอก็ได้ทำการตรวจเลือดและให้เซรุ่มรักษาพิษจนอาการปวดเริ่มลดลง ต่อมาอีกวันอาการปวดเริ่มดีขึ้นมาก แต่สังเกตรอยบาดแผลเกิดเป็นแผลผุพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวก และบางจุดเริ่มดำไหม้ หมอก็ไห้การรักษาต่อ จนวันที่ 3 แผลไม่ดีขึ้น เริ่มพุพองเป็นน้ำ จนหมอต้องทำการผ่าตัดกรีดเอาน้ำในแผลออกเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อยของบาดแผล แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น เนื้อตรงบาดแผลเริ่มดำคล้ำเป็นเนื้อตายและค่อยๆลุกลามอย่างเห็นได้ชัด จนวันที่ 4 หมอบอกว่า จำเป็นต้องตัดนิ้วทิ้ง เพื่อป้องกันการลุกลาม โดยจะตัดนิ้วก้อยตรงข้อนิ้วล่างสุด แต่ตนเองหวาดกลัวและไม่ยอมให้หมอตัดจึงขอหมอกลับมาบ้านพักดูอาการสัก2-3วันถ้าไม่ดีขึ้นก็คงต้องเข้ากลับโรงพยาบาลเพื่อตัดนิ้วทิ้ง

นางสาวมาลี กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 4 วั นตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมาจนวันที่31 สิงหาคม ออกมาพักอยู่บ้าน มีเพื่อนบ้านแนะนำให้ไปรักษากับหมอแพทย์โบราณที่จ.ตรังรักษาด้วยสมุนไพร จึงได้เดินทางไปตามคำบอกเล่าจนได้พบกับหมอคนดังกล่าวและได้ทำการรักษามา 3 วัน แล้ว รู้สึกได้ว่าอาการดีขึ้น เนื้อที่เปื่อยบริเวณบาดแผลเริ่มหายและแข็งตัว แต่ก็คงจะหลุดออกจนถึงกระดูกและหวังว่าจะมีเนื้องอกออกมาใหม่เพื่อปิดแผลจนหาย อย่างไรก็ตามวันที่5 ก.ย.นี้ แพทย์โรงบาลสตูลได้นัดตรวจพิษและบาดแผลอีกครั้งตนก็จะเดินทางไปพบตามนัด ตอนนี้ถึงแม้จะรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ต้องดูผลตรวจจากแพทย์อีกครั้ง หากพิษของงูยังอยู่และบาดแผลไม่ดีขึ้นกว่านี้ก็คงต้องยอมตัดนิ้วทิ้งเพื่อไม่ให้ลุกลาม รักษาชีวิตไว้ก่อน

สำหรับงูกะปะชนิดนี้เป็นงูกะปะมีลักษณะตัวลายสีเทาปรับตัวเข้ากับใบไม้หรือสถานที่อาศัยได้ง่าย หัวจะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ที่มีพิษร้ายแรงโดยพิษจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือด จึงทำให้บริเวณกล้ามเนื้อที่มีเส้นเลือดที่พิษอยู่เน่าเปื่อยได้ง่าย หากโดนพิษเต็มๆทั้งสองเขี้ยวเคยมีผู้ป่วยหลายรายที่โดนตัดอวัยวะส่วนที่โดนกัดทิ้งเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อยลุกลาม ตนจึงอยากเตือนให้ระมัดระวังในการทำสวน เพราะงูกะปะพิษของมันทำให้แผลเน่าเปื่อยหลายคนที่ถูกกัดถูกตัดอวัยวะบางส่วนไปแล้ว จึงอยากให้ระมัดระวังเพราะตอนนี้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว



คุณอาจสนใจ

Related News