สังคม

ชาวบ้านโอดพริกขี้หนูสวนราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ แตะ 400 บาทต่อกิโลกรัม

โดย onjira_n

22 ส.ค. 2565

1.9K views

กรณีสินค้าอุปโภค-บริโภคปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกับค่าครองชีพที่สูงแต่รายได้เท่าเดิม โดยในตลาดนัดชุมชนหน้าอบต.อุใดเจริญ อ.ควนกาหลง จ.สตูล ที่เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ศูนย์รวมสินค้าบริโภคในตำบล จากการสอบถามแม่ค้าในตลาดทราบว่า ราคาสินค้าทุกอย่างได้ปรับขึ้นทั้งหมด ทั้งอาหารทะเล ผักสดต่างๆ ชาวบ้านลดปริมาณการซื้อ โดยจับจ่ายใช้สอยเพียงความจำเป็นเท่านั้น

โดยราคาอาหารทะเลทุกชนิดปรับขึ้นมาอย่างละประมาณ15-20 บาทต่อกิโลกรัม ผักสดต่างๆเช่น ผักคะน้าปรับขึ้นจาก 20 เป็น 30 บาท มะนาวจาก 20 เป็น 30 บาท กะหล่ำปลีจาก 10 เป็น 40 บาทต่อ แต่ที่ต้องตกใจก็คือการปรับราคาขึ้นของพริกขี้หนูสด โดยพริกแดงจินดาปรับขึ้นจากก.ก.ละ 150 บาทเป็น180-200 บาท ปรับขึ้นทีเดียว 40-50 บาท ส่วนพริกขี้หนูสวนปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการ จากเดิมราคาสูงสุดไม่เกิน 280 บาท แต่ตอนนี้ในตลาดสดขายอยู่ที่ก.ก.ละ 400 บาท ปรับขึ้นถึง100-120 บาทต่อ1กิโลกรัมเลยทีเดียว

นาวสาว สุบรรณ แสงแก้ว อายุ 57 ปี แม่ค้าขายผักบอกว่า ตนเป็นแม่ค้าขายผักสดในตลาดนัดมากว่า 30 ปี ตระเวนขายตามตลาดนัดต่างๆ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ข้าวของขึ้นราคาสูงสุดเหมือนช่วง 2 ปีนี้ โดยเฉพาะการปรับขึ้นของพริกขี้หนูที่ปรับขึ้นมา 100 กว่าบาทต่อ 1 กิโลกรัมเป็นราคาที่ตนเองไม่เคยพบเจอมาก่อน ราคารับจากสวนก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 350 แล้ว เมื่อมาขายในตลาด บวกค่าที่และค่าใช้จ่ายต่างๆแม่ค้าก็ต้องขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 400 บาท ถึงจะอยู่ได้ โดยราคาของผักต่างๆจากเดิมก็จะมีการปรับขึ้นลงเป็นระยะของมันมาตลอดโดยถ้าจะขึ้นมาสูงสุดก็ไม่เกิน 20-30 ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ 2 ปี ที่ผ่านมาราคาของสินค้าต่างๆมีแต่ปรับขึ้นโดยไม่มีลง เมื่อสินค้าแพง ลูกค้าก็เลือกซื้อของเฉพาะที่จำเป็น จากเดิมที่พอขายได้ พอมีรายได้บ้าง ช่วงนี้รายได้ลดลงจนแทบจะไม่เหลือเลย แม่ค้าบางคนขาดทุนเป็นหนี้สินจนต้องเลิกขาย เพราะราคาต้นทุนที่สูงเมื่อขายไม่หมดผักเน่าเสียก็ขาดทุนแล้ว ส่วนราคาที่ปรับขึ้นสูงเนื่องจากต้นทุนในการเพาะปลูก ราคาปุ๋ยเคมีที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ค่าน้ำมันและอีกปัจจัยหลายๆอย่าง ด้านแม่ค้าเครื่องแกง และร้านขายข้าวแกงก็ได้รับผลกระทบ โดยเครื่องแกงต่างๆต้องค่อยปรับเพิ่มราคาขึ้น โดยปรับขึ้นอยู่ที่กิโลกรัมละ10บาท แต่หากราคาพริกขี้หนูยังไม่ปรับลดก็คงต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก จึงทำให้ต้องขายยากกว่าเดิม

ด้านพ่อค้าแกงถุงก็ได้รับผลกระทบ แต่เนื่องจากปกติที่ผ่านมาก็ขายยากอยู่แล้ว หากปรับขึ้นราคาก็ยิ่งขายยากเข้าไปอีก จึงจำเป็นที่จะต้องอั้นราคาเท่าเดิมไว้ แต่จะปรับเป็นหาผักต่างๆที่เก็บได้จากไร่สวนมาใช้เพื่อลดต้นทุน เช่นนำหยวกกล้วยที่ปลูกไว้ข้างบ้านมาใส่ในแกง ด้านชาวบ้านก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกวันนี้ค่าครองชีพสูงเนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับขึ้นทุกอย่างแต่รายได้กลับลดลงเนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่แล้วประกอบอาชีพกรีดยางพารา ราคายางลดลงต่อเนื่องเหลือแค่กิโลกรัมละ42บาทเศษยางราคาไม่ถึง20บาท แต่ราคาพริกขึ้หนูสูงถึง400บาท ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาสินค้าต่างๆที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาหมูก็เตรียมตัวปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาหมูหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้นมาจาก110บาทเป็น116บาท ทำให้ราคาเนื้อหมูสดอาจจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก โดยตอนนี้ราคาหน้าเขียงยังขายอยู่ที่กิโลกรัมละ200บาทต่อกิโล แต่คาดว่าต้องปรับขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน



คุณอาจสนใจ