สงครามเย็นร้อนถึงเก้าอี้รัฐมนตรี แม่ค้าแฉแหลก! ลูกน้องโชว์นามบัตร เบ่งขายน้ำแข็ง

ศึกโรงน้ำแข็งร้อนระอุถึงเก้าอี้รัฐมนตรี หลังลูกน้องเอานามบัตรมาเบ่งโชว์ขายน้ำแข็ง ด้านแม่ค้าแฉแหลกกลุ่มโรงน้ำแข็งพันล้าน สร้างอิทธิพลนำการตลาด พบรถแฮมเมอร์สีแดงจะตามมาส่งน้ำแข็งทุกครั้ง ขณะที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเตรียมเชิญผู้บริหารหารือยุติปัญหา

จากกรณีที่มีการเปิดศึกของโรงน้ำแข็ง 2 แห่ง ใช้อาวุธปืนยิงถล่มกัน บริเวณถนนเส้นเจดีย์วัดพนัญเชิง หมู่ 3 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา โดยที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะสีขาว ซึ่งเป็นรถส่งน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งอโยธยา ขับมาขวางหน้า จากนั้นรถแฮมเมอร์สีแดง ของทางฝั่งโรงน้ำแข็งพันล้าน ขับพุ่งขึ้นมาพุ่งชน จากนั้นตามด้วยรถตู้สีดำของทางฝั่งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งตำรวจระบุว่าเข้ามาร่วมก่อเหตุด้วย ไม่ได้เข้ามาระงับเหตุตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ซึ่งเมื่อวานนี้ พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทั้งกรมการปกครอง อุตสาหกรรมจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด เข้าตรวจสอบมาตรฐานโรงงานน้ำแข็งอโยธยา ทั้งด้านการผลิต และอุปกรณ์ในการผลิต

โดยพ.ต.อ.เอกราช กล่าวว่า ได้เข้าตรวจสอบโรงน้ำแข็งทั้ง 2 แห่ง พบว่าทั้ง 2 แห่ง ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย มีการขออนุญาตในเรื่องการจัดตั้งสถานประกอบการ และจดทะเบียนการค้ากับอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ได้ตรวจสอบโรงน้ำแข็งพันล้านที่ จ.สิงห์บุรี และตรวจค้นตามจุดต่างๆ ในพื้นที่อยุธยา และสิงห์บุรี รวม 19 จุด

ส่วนคดียิงกัน ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า พกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันสร้างความชุลมุน กับผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงกุล่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทั้ง 3 นาย ที่ปรากฎในคลิปภาพด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่พบความเชื่อมโยงในการร่วมกันกระทำความผิดในการก่อเหตุ ส่วนจะทำไปเพราะหน้าที่หรือไม่ ให้ในส่วนของกรมการปกครอง หรือนายอำเภอเป็นผู้ดำเนินการต่อ

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เตรียมเป็นคนกลางเรียกผู้บริหารโรงน้ำแข้งทั้ง 2 แห่ง มาหารือทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ

ทางด้านคุณปุ้ย ผู้ดูแลกิจการโรงน้ำแข็งอโยธยา บอกว่า ปมเหตุไม่น่ามาจากการแย่งลูกค้า เพราะที่โรงน้ำแข็งอโยธยา มีฐานลูกค้าประจำเยอะมาก ส่วนที่บอกว่าโรงน้ำแข็งพันล้านทำการตลาดด้วยการลงน้ำแข็งฟรีนั้น ตนไม่ทราบข้อมูลนี้ ที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทตนก็ไม่ทราบเรื่อง เพราะทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศ มองว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทของพนักงานส่งน้ำแข็งกันเอง พร้อมยืนยันกำนันตำบลเกาะเรียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน 100% ซึ่งเจ้าของตัวจริงของโรงน้ำแข็งอโยธยาปัจจุบันอยู่ที่ต่างประเทศ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ถนนจอมพล ป พื้นที่ อ.บางปะอิน และซอยวัดคานหาม หลังจากที่กลุ่มแม่ค้าน้ำแข็งในย่านนี้หลายร้านได้รับข้อเสนอจากโรงน้ำแข็งพันล้านที่เข้ามาทำการตลาดได้ประมาณ 1 เดือน มีการให้นามบัตรไว้ติดต่อกลับ ระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อสั่งน้ำแข็ง และในนามบัตรเขียนระบุชื่อผู้ติดต่อ ระบุตำแหน่งหน้าที่การงานว่า เป็นคณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้อย่างเด่นชัด

สอบถามเจ้าของร้านค้าขายปลีกเครื่องดื่มรายหนึ่ง ระบุว่า พฤติกรรมของโรงน้ำแข็งพันล้าน ครั้งแรกมาติดต่อจะส่งน้ำแข็งให้ โดยพยายามจะนำถังมาวางและลงน้ำแข็งให้ ซึ่งคล้ายกับโรงน้ำแข็งอโยธยา เมื่อครั้งเปิดตลาดใหม่ๆ แต่ทางร้านตนไม่ยอมลงน้ำแข็ง เนื่องจากไม่ชอบพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ให้นามบัตรระบุเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ อีก ถึงขนาดเสนอลงถังให้ฟรีลงน้ำแข็งให้ขายฟรีอีก 1 เดือน ตนก็ไม่ยอมรับข้อเสนอ

แต่ก็มีบางร้านลงไว้ด้วยความกลัวไม่อยากมีเรื่อง เวลามาลงน้ำแข็งแต่ละครั้งจะมากันเป็นรูปขบวนใหญ่ มีรถส่งน้ำแข็ง รถคุ้มกัน และทุกครั้งที่เข้ามาส่ง รถคันสีแดงที่ปรากฏเหตุการณ์ยิงกันก็จะมาคุ้มกันส่งน้ำแข็งทุกครั้งด้วย

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบุคคลที่มีชื่อระบุในนามบัตร ติดต่อขายน้ำแข็งของโรงน้ำแข็งพันล้าน เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร มีคำสั่งแต่งตั้งไว้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565