เศรษฐกิจ
'กรณ์' แนะ 'จุรินทร์' ใช้อำนาจ คุมค่ากลั่นน้ำมัน หน้าปั๊มจะถูกลง 4 บาท
โดย nattachat_c
21 มิ.ย. 2565
64 views
วานนี้ (20 มิ.ย. 65) ที่ทำการพรรคกล้า กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคกล้า แถลงถึงกรณีที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตพลังงานและปัญหาราคาน้ำมันแพง พร้อมกับเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหากับรัฐบาล
นายกรณ์ ระบุว่า พรรคกล้าต้องการเสนอความจริงและทางออกให้ประชาชนท่ามกลางวิกฤติปัญหาปากท้อง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มี 2 ประเด็นปัญหาสำคัญ ที่ไม่ได้รับการแก้ไข แม้กระทรวงพลังงานจะออกประกาศมาตรการแล้ว ได้แก่
- ปัญหาราคาน้ำมันหน้าปั๊มไม่ลดลง
- เงินจำนวน 8 พันล้าน ที่มีข้อตกลงว่า ในช่วง 3 เดือน โรงกลั่นจะอุดหนุน
เป็นเพียงข้อความปากเปล่า ไม่ได้นำมาใช้จริง
ขณะนี้ ราคาน้ำมันหน้าปั๊มไม่ได้ลดลง ตรงกันข้าม น้ำมันเกือบทุกประเภทปรับขึ้นเกือบหมด สะท้อนให้เห็นว่า 'รัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด' มองว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีอำนาจตรงผ่านคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ สามารถใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้ ในยามวิกฤติที่ประชาชนเดือดร้อน หลักสากลในโลกของการค้าเสรี รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซง เพื่อไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำกำไรมากเกินไป
และอยู่ในกรอบของกฎหมายที่ถูกบัญญัติไว้ตั้งแต่ ปี 2542 โดย..
- มาตรา 24 ให้อำนาจรัฐมนตรีบรรจุสินค้าที่มีแนวโน้มสูงเกินควรเป็นสินค้าควบคุม
- มาตรา 25 สามารถกำหนดอัตรากำไรสูงสุดในสินค้านั้นได้ ซึ่งน้ำมันและปิโตรเลียมเหลวถูกประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว
ตั้งคำถามว่าทำไมกระทรวงพาณิชย์ถึงไม่มีมาตรการกำกับ หากรัฐมนตรีใช้อำนาจที่มีออกคำสั่ง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ราคาหน้าปั๊มจะปรับลดลงได้ 4 บาทต่อลิตร
ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันเชื้อเพลิง ถือเป็นสินค้าควบคุมตามบัญชีของคณะกรรมการ และเมื่อเทียบค่าการกลั่นเฉลี่ย 3 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1.91 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นราคาที่มีกำไรอยู่แล้ว จนมาเจอกับสถานการณ์สงครามยูเครน ราคาค่าการกลั่นสูงขึ้นเรื่อยๆ บางวันสูงขึ้นถึง 8.56 บาท/ลิตร แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.80 - 6 บาทต่อลิตร
เมื่อเอาค่าการกลั่นช่วงแรกกับช่วงหลังมาหักลบกัน ราคาก็จะลดลงได้ทันทีถึง 4 บาทต่อลิตร ซึ่งน่าจะเป็นราคาที่เหมาะสม และโรงกลั่นได้กำไร
จึงขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้อำนาจตามกฎหมาย กำกับราคาค่าการกลั่น จะสามารถลดราคาน้ำมันได้ทันทีลิตรละ 4 บาท
สำหรับกรณีเงินจำนวน 8 พันล้านที่มีข้อตกลงว่าในช่วง 3 เดือน โรงกลั่นจะอุดหนุน ยืนยันว่าเป็นเพียงข้อตกลงปากเปล่า ทำให้ไม่ผูกพันตามกฎหมาย มองว่าเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้ ต้องมีมาตรฐาน
“อันนี้พูดกันตามตรง เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าโรงกลั่น 6 โรง เขาปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ในอนาคต สมมติเขาไม่ปฏิบัติตาม ผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะเบี้ยวนะครับ อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สมมติไม่ปฏิบัติตาม มันมีใครไปทำอะไรได้ไหม มันไม่มีข้อตกลงที่ผูกพันทางกฎหมาย หลักธรรมาภิบาลที่ดีถ้ารัฐบาลจะทำอะไรแบบนี้มันควรตีตรากฎหมาย”
กรณ์ ระบุว่าพรรคกล้าเสนอให้มีการออกกฎหมายเก็บภาษีลาภลอย เช่นเดียวกับจัดเก็บโรงกลั่น แต่ต้องกลั่นกรองเป็นข้อกฎหมาย ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสควรที่จะออมาในรูปกฎหมาย
นอกจากนี้หากปัญหาน้ำมันแพงยืดเยื้อไปมากกว่า 3 เดือน รัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ ตอนนี้ยังขาดแนวทางและทิศทางที่ชัดเจน แสดงความเป็นห่วงว่าตอนนี้รัฐบาลขาดธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการแก้ปัญหา
โดยพรรคกล้าเสนอแนวทางให้กระทรวงพลังงานออกพระราชกำหนด และนำเรื่องเข้าสู่สภาภายใน 30 วัน เพื่อให้กลไกของสภาได้ตรวจสอบ
หัวหน้าพรรคกล้า ยังอธิบายด้วยว่าค่าการกลั่น คำนวณมาจากส่วนต่างของราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับราคาน้ำมันดิบ ซึ่งมีค่าอยู่ที่ 8.5 บาท โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นสัญญาณเตือนภัยที่มองว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับอ้างอิงข้อมูลจากอดีต ย้ำว่าโรงกลั่นน้ำมันในประเทศมีศักยภาพเพียงพอ ดังนั้นต้องใช้จุดนี้ให้เกิดประโยชน์
---------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/mcSa1Tb9fos