สังคม
เดินหน้าทวงคืน หาดเลพัง-ลายัน หลังศาลให้เป็นที่สาธารณะแล้ว ยังมีผู้ใช้ช่องว่างกม.ยื้อ
โดย panwilai_c
28 เม.ย. 2565
176 views
กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินหน้าทวงคืนชายหาดเลพัง หาดลายัน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ยาวกว่า ๒ กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ ๑๗๘ ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวศาลฏีกาพิพากษาให้เป็นตกเป็นที่สาธาณะแล้ว แต่ยังมีคนบางกลุ่มพยายามยื้อด้วยการหาผู้ร้องสอด หรือไม่ก็ฟ้องเพิ่ม จนทำให้การรื้อถอน ทวงคืนที่ผ่านมาไม่สำเร็จ ที่สำคัญคือบนที่ 178 ไร่นี้ มีแปลงที่นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน ซึ่งไปเสียชีวิตแล้วก่อนหน้านี้ เป็นคนลงนามออกโฉนดให้ ก่อนที่โฉนดดังกล่าว จะถูกเพิกถอนในที่สุด คุณมนตรี อุดมพงษ์ มีรายละเอียดจากจังหวัดภูเก็ตครับ
หาดเลพัง หาดลายัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งความยาวหน้าหาดยาวกว่า ๒ กิโลเมตร นับเป็นหาดธรรมชาติเพียงไม่กี่แห่งของภูเก็ต ที่อยู่ในสถานะเป็นที่สาธารณะ หลังจากมีคำพิพากษาศาลฏีกาเมื่อ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ให้พื้นที่ดังกล่าว รวม ๑๗๘ ไร่ เป็นที่สาธารณะประโยชน์ หลังจากที่เอกชน ๖ ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องอ้างสิทธิ์ครอบครอง แต่ผู้ฟ้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
แต่แม้ศาลฏีกาตัดสินเป็นที่สาธารณะแล้ว แต่สภาพจริงกลับดูไม่เหมือน เพราะมีคนทั่วไปเข้าไปเที่ยวค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งเพราะยังมีสิ่งปลูกสร้างเดิมของคู่ความเหลืออยู่ ไม่ได้รื้อถอนทั้งหมด อีกทั้งยังมีป้ายที่คู่กรณีติดไว้ริมถนนหน้าแปลงที่ดิน ลักษณะแสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน ที่ยังไม่ได้บทสรุป ป้ายบางแปลงเตือนเจ้าหน้าที่รัฐด้วยซ้ำว่าหากทำให้เกิดความเสียหาย จะดำเนินคดี และบางแปลงติดป้ายแสดงความเป็นเจ้าของที่ ควบคู่กับป้ายคำว่าที่สาธารณะประโยชน์
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่วันนี้ พร้อมเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ยืนยันว่าที่ดินในจำนวน ๑๗๘ ไร่นี้ แม้มี ๒ แปลงหลักที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คือแปลงที่อุทยานฯสิรินาถ/และอีกแปลงใช้ สค. ๑ ปี ๒๔๙๗ อ้างสิทธิ์ออกโฉนด แต่ภาพถ่าย ทางอากาศชัดเจนว่าปี ๒๔๙๗ นั้น บริเวณนี้เป็นทะเล เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสค.๑ ภายหลังพบว่าเป็นสค. ๑ บินมาจากที่อื่น มีหลักฐานส่วนหนึ่งที่ศาลสั่งให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าวเจ้าหน้าที่รัฐหลายคน รวมถึงนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินขณะนั้นที่ออกโฉนด จึงถูกดำเนินด้วย และต่อมาก็เสียชีวิต
ขณะที่อีกแปลงอื่นๆที่เหลือ ศาลฏีกาก็พิพากษาแล้วว่า เป็นที่สาธารณะ แต่ปัญหาคือยังมีอ้างสิทธิ์ จับจอง หรือทำประโยชน์อยู่ ดีเอสไอจึงต้องมาผลักดันร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบหลักคือ อบต.เชิงทะเล ให้เร่งรื้อถอน ทวงคืนที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะตามคำนั่งศาล
นายก อบต.เชิงทะเล เปิดเผยกับข่าว ๓มิติว่าที่ผ่าน มีความพยายามของคนบางกลุ่มอ้างว่าเป็นญาติ หรือผู้ครอบครองต่อ จากเจ้าของเดิมที่เคยครอบครองมาก แล้วยื่นต่อศาลบ้าง หวังจะยื้อเวลาไม่ให้เกิดการรื้อถอน บางรายอาศัยช่องว่างช่วงดำเนินคดี เซ้งกิจกิจการให้รายอื่นที่หลงเชื่อ จนกลายเป็นผู้ร้องคนใหม่ ในระหว่างรอบังคับคดี
ปัญหา และอุปสรรค ที่ยังไม่อาจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินเนื้อที่ ๑๗๘ ไร่ แม้ศาลพิพากษาให้เป็นที่สาธารณะ และสำนักงานบังคับคดีเข้าดำเนินการแล้วนั้น ตอนนี้เป็นประหลักที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการ่วมกับอำเภอ อบต. และกรมบังคับคดี เพื่อดำเนินการตามคำสั่งศาล เพราะที่ดินแปลงดังกล่าวมีมุลค่าซื้อขายไรละ ๓๐๐ ล้านบาท หรือกว่า ๕หมื่นล้านบาท จากพื้นที่ ๑๗๘ ไร่ หากดำเนินการเป็นที่สาธาณะอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่จะสร้างรายได้ให้คนท้องถิ่นได้อีกน้อย
ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต ก็เปิดเผยกับข่าว ๓มิติ ว่ามีผุ้อ้างสิทธิ์ครอบครอง ทำกินที่ดินดังกล่าว พยายามฟ้องร้องต่อศาลหลายครั้ง ทั้งที่คดีจบไปแล้ว และศาลก็ยกคำร้อง และนั่นก็เป็นหนึ่งในวิธีที่หวังจะถ่วงเวลาการคืนที่สาธารณะประโยชน์ ทั้งที่เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนรื้อถอนได้ทันที