รพ.รับผิด หอบกระเช้าขอโทษ ลืมผ้าก๊อซในช่องคลอดนาน 2 เดือน จนเหม็นเน่า

รพ.แถลงขอโทษ มอบกระเช้า - เงินเยียวยา ให้คุณแม่วัย 35 ปี หลังลืมผ้าก๊อซในช่องคลอด นาน 2 เดือน จนมีกลิ่นเหม็นเน่า



จากกรณีที่ นางสาวสุภาพร ตันเจริญ อายุ 35 ปี ได้ออกมาโพสเฟซบุ๊กถึงเรื่องราวของตนเอง ที่มีอาการปวดท้องและมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดอยู่เป็นระยะ ก่อนจะมาพบว่ามีวัตถุแปลกปลอมบางอย่างอยู่ในช่องคลอด จึงรีบเดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ก่อนที่พยาบาลจะนำอุปกรณ์คีบเอาวัตถุแปลกปลอมดังกล่าว ออกมาจากช่องคลอด และพบว่า วัตถุแปลกปลอมดังกล่าว คือผ้าก๊อซที่อยู่ในสภาพชุ่มเลือดและมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง



ล่าสุด นางสาวสุภาพร ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้คลอดลูกคนที่ 2 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 โดยมีทีมพยาบาลประจำห้องคลอดเป็นผู้ทำคลอดให้ การทำคลอดผ่านไปด้วยดี หลังคลอดลูกเสร็จ ตนก็ได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน ช่วงแรกก็ยังไม่มีอาการใดๆ แต่ไม่นานเริ่มสังเกตว่าตัวเองมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดบ่อยครั้ง กระทั่ง เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ขณะที่ตนเองเข้าห้องน้ำอยู่ที่บ้าน ตนสังเกตเห็นว่ามีวัตถุแปลกปลอมอะไรบางอย่าง โผล่ออกมาจากช่องคลอด ด้วยความตกใจ จึงรีบให้สามีพาส่งโรงพยาบาล



เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ตนเองเริ่มมีอาการใจสั่นและมีไข้สูง พยาบาลห้องฉุกเฉินได้ใช้อุปกรณ์คีบเอาวัตถุแปลกปลอมดังกล่าวออกมาจากช่องคลอด จึงพบว่าวัตถุดังกล่าวคือก้อนผ้าก๊อซ ที่อยู่ในสภาพชุ่มเลือดจนเป็นสีน้ำตาล มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หลังนำผ้าก๊อซออกจากช่องคลอด หมอได้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาลดไข้ ก่อนจะให้ตนนอนพักฟื้นรอดูอาการที่โรงพยาบาลอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวม หลังตนนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่ได้มีใครเข้ามาพูดคุยใดๆ ตนคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเชื่อว่า ผ้าก๊อซดังกล่าว น่าจะเป็นผ้าก๊อซที่ใช้ในการทำคลอดลูกคนที่สองของตนและทีมพยาบาลที่ทำคลอดน่าจะเก็บผ้าก๊อซทิ้งไม่หมด จนเหลือตกค้างอยู่ภายในจช่องคลอดของตนเอง



ซึ่งการที่มีผ้าก๊อซชุ่มเลือดติดอยู่ในช่องคลอดของตนเป็นระยะเวลานานกว่า 2 เดือน น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองมีอาการปวดท้องน้องและมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนจึงตัดสินใจ นำเรื่องราวของตนไปโพสลงในเฟซบุ๊กและมีผู้ที่แชร์เรื่องราวดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็เริ่มเข้ามาพูดคุยและย้ายตนเองไปนอนพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ กระทั่ง ตนเองอาการดีขึ้นและหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันนี้



ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล ทางหัวหน้าและพยาบาลประจำห้องคลอด รวมถึงผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้เดินทางมาพุดคุยกับตนเองที่ห้อง โดยได้มีการกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางหัวหน้าห้องคลอดและพยาบาลประจำห้องคลอด ได้รวบรวมเงินกันมาเพื่อมอบให้กับตนเองเป็นการเยียวยาเบื้องต้น จำนวน 5,000 บาท และทางโรงพยาบาลรับผิดชอบดูแลค่ารักษาและค่าห้องทั้งหมดให้ พร้อมกันนี้ ทางโรงพยาบาลรับปากว่า หากในอนาคต ตนเองมีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความผิดพลาดในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะดูแลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด ส่วนเงินเยียวยาอีกส่วนนั้น ทางโรงพยาบาลได้แนะนำให้ตนเขียนคำร้องและยื่นต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีการประเมินเงินเยียวยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตนเองต่อไป ซึ่งตนและครอบครัวก็พอใจในการดูแลช่วยเหลือของทางโรงพยาบาล จึงตกลงรับคำขอโทษและเดินทางกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านต่อไป