สังคม

พบสารโลหะหนัก ปนเปื้อนบ่อน้ำสีชมพู จนท.สั่งห้ามชาวบ้านอุปโภค-บริโภคเด็ดขาด

โดย nicharee_m

24 ก.พ. 2565

141 views

เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำสีชมพู เบื้องต้นพบมีสารปนเปื้อนในน้ำ เก็บตัวอย่างน้ำไปวิเคระห์ตรวจสอบ พร้อมสั่งห้ามชาวบ้านนำน้ำไปใช้อุปโภคบริโภคโดยเด็ดขาด

จากกรณีน้ำในบ่อน้ำหลังบ้านของ นางสุรีรัตน์ สานคล่อง อายุ 44 ปี ชาวบ้านบ้านหนองสมอ ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปลี่ยนสีกลายเป็นสีชมพู แต่น้ำไม่มีกลิ่นเหม็น โดยเหตุการณ์น้ำในบ่อที่เริ่มเปลี่ยนสีเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากนั้นน้ำก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูเห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกเป็นกังวลกลัวน้ำจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเจือปน จึงได้แจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งมาตรวจสอบ



ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.65) เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ไปเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อน้ำที่บ้านของนางสุรีรัตน์เพื่อนำกลับไปวิเคราะห์ตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า น้ำในบ่อมีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นสารชนิดใด ต้องนำตัวอย่างน้ำกลับไปตรวจวิเคราะห์เพื่อหาสารปนเปื้อนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งห้ามไม่ให้นำน้ำในบ่อไปใช้ในการอุปโภคบริโภคโดยเด็ดขาด



นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 11 นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บ่อน้ำแห่งนี้เป็นบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดไว้ใช้เอง และไม่พบว่ามีการเชื่อมต่อของบ่อน้ำแห่งนี้กับแหล่งน้ำสาธารณอื่นแต่อย่างใด ซึ่งจากการสอบถามเจ้าของบ้านทราบว่า บางครั้งบ่อน้ำแห่งนี้ก็เคยแห้งขอดไป แต่จากนั้นก็มีน้ำผุดขึ้นมาเอง



โดยจากการตรวจวัดค่าของแข็งละลายน้ำพบว่า มีค่าอยู่ที่ 917 มิลลิกรัมต่อลิตร ถือว่าเป็นค่าที่สูงมาก เพราะค่าของแข็งละลายน้ำตามธรรมชาติต้องควรมีค่าไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร และจากสภาพของน้ำที่มีสีชมพูแบบนี้ บ่งชี้ได้ว่าภายในน้ำน่าจะมีสารปนเปื้อน แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นชนิดใด ซึ่งแหล่งที่มาของสารปนเปื้อนเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งแหล่งที่มาอาจจะมาจากน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณใกล้เคียงที่ปล่อยน้ำเสียผ่านชั้นดินแล้วไหลซึมเข้ามาที่บ่อน้ำแห่งนี้ก็เป็นไปได้



โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำกลับไปวิเคราะห์เพื่อตรวจหาสารโลหะหนัก และสารปนเปื้อนชนิดอื่นๆ คาดว่าใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์จะทราบผล ทั้งนี้ได้แจ้งให้เจ้าของบ้านงดนำน้ำในบ่อนี้มาใช้อุปโภคบริโภค รวมไปถึงห้ามจับสัตว์น้ำภายในบ่อนี้นำไปบริโภคโดยเด็ดขาด

คุณอาจสนใจ

Related News