ผอ.รพ.หนองไผ่ แจงประสานงานคลาดเคลื่อน ปล่อยเด็กยืนตากฝน ร้องไห้รอหน้าศูนย์พักคอย

จากกรณีที่ได้มีรถของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ นำผู้ป่วยโควิด เป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ มาทิ้งไว้บริเวณศูนย์พักคอย เทศบาลหนองไผ่ หมู่ 6 ต.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนั้นมีคนพบว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวยืนร้องไห้ ในมือถือกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ ซึ่งสร้างความเวทนา มึนงงให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

นายเกษียณ จันทโยธี หัวหน้าชุดดูแลรักษาความสงบ บริเวณศูนย์พักคอยเทศบาลหนองไผ่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.53 น. ตนได้รับแจ้งว่า มีรถโรงพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นำเด็กหญิงวัย 9 ขวบที่ติดโควิด มาปล่อยทิ้งไว้ที่บริเวณศูนย์พักคอย โดยไม่มีการแจ้งรายละเอียดใดๆ ตนจึงรีบมาตรวจสอบ

จากการสอบถามเด็กหญิงคนดังกล่าว ทราบว่า บ้านอยู่แถวซอย กม.35 ต.หนองไผ่ และบอกว่าหมอที่โรงพยาบาลให้หนูมา ซึ่งตนก็งงว่า ให้เด็กมาแล้วทำไมไม่มีการประสานงานมาว่าจะมีเด็กป่วยโควิด เข้ามาพักที่ศูนย์พักคอย แต่กลับปล่อยเด็กไว้ตามยถากรรม

แล้ววันนั้นฝนก็ตก เด็กก็ยืนตากฝนถือกระเป๋าอยู่ ตนจึงตะโกนบอกให้เด็กไปยืนหลบฝน อยู่ที่หน้าบ้านสาธารณสุข เพราะตนก็กลัวไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะไม่มีชุดป้องกัน จากนั้นจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข ให้เข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือเด็ก

โดยพบว่าเด็กติดเชื้อโควิด และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหาย แต่เนื่องจากเด็กอาศัยอยู่กับยายเพียง 2 คน และยายก็ติดเชื้อโควิด ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์พักคอยแห่งนี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้นำเด็กทิ้งไว้ที่นี่

การนำเด็กมาทิ้งไว้แบบนี้ เด็กจะอยู่จะยังไงในเมื่อยายยังติดเชื้ออยู่ ทำไมทางโรงพยาบาลไม่ประสานงานไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลหนองไผ่ว่า มีเด็กที่หายป่วยจากโควิดกำลังออกจากโรงพยาบาล แต่ยายเด็กยังรักษาตัวอยู่ สามารถช่วยเหลือเด็กให้มีที่อยู่ที่ไหนได้บ้าง ระหว่างรอยายหาย ไม่ใช่เอาเด็กมาปล่อยทิ้งไว้แบบนี้

นายเกษียณ กล่าวต่อว่า ล่าสุดก็มีเด็กผู้ชายอายุ 11 ปี ถูกรถโรงพยาบาลมาปล่อยทิ้งไว้ในลักษณะเดียวกันอีก 1 ราย ซึ่งตนไม่เข้าใจว่า หน่วยงานหลักของโรงพยาบาลดังกล่าว ทำไมทำงานกันแบบนี้ ถึงทางศูนย์จะจัดที่พักให้เด็กได้ แต่ทางศูนย์ก็ยังประสบปัญหาด้านการเบิกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเด็กอยู่ดี ตนจึงอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประสานงานมายังศูนย์ หรือทางสำนักงานเทศบาลหนองไผ่ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ไม่ใช่เอาทิ้งเด็กไว้แบบนี้

ด้าน นายบุญทัน พุทธา อปพร.ทต.หนองไผ่ กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ขับรถยนต์กระบะมีตู้สีขาว มาจอดปล่อยเด็กทิ้งไว้แล้วบอกว่ามีธุระด่วน เลยปล่อยเด็กเอาไว้ ส่วนเด็กก็เข้าไปข้างในไม่ได้เพราะเขาล๊อกประตูเอาไว้ ตนจึงประสานงานให้เจ้าหน้าที่เทศบาล ออกมาดู ซึ่งตอนนั้นเด็กยังยืนตากฝนอยู่ด้วย

ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพูดคุยกับผู้ดูแลศูนย์พักคอย ทต.หนองไผ่ ทำให้ทราบว่า ขณะนี้ เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ได้ถูกนำเข้ามาดูแลรักษาตามระบบ อยู่ภายในศูนย์พักคอย ทต.หนองไผ่แล้ว โดยตัวเด็กมีสุขภาพปกติดี ไม่มีไข้ ไม่ไอ จะต้องดูแลรักษาต่ออีก ระยะเวลา 10 วัน ส่วนเด็กชาย วัย 11 ขวบ ถูกนำมาทิ้งไว้เช่นกัน ก็ได้รับน้องเข้าศูนย์พักคอยแล้ว มีอาการปกติดี ไม่ไข้ ไม่ไอเช่นกัน และต้องอยู่ต่อจนครบ 10 วัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลหนองไผ่ ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าว กับทางด้าน นายแพทย์สมรัฐ ศรีตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองไผ่ แต่ไม่สะดวก ที่จะให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์

โดยได้เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางโรงพยาบาลหนองไผ่ ต้องขอโทษสังคมและยอมรับผิด โดยเป็นการเข้าใจผิดพลาด ในด้านการสื่อสาร ประสานงาน เมื่อเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาล ได้นำตัวเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ซึ่งมารักษาโควิด-19 อยู่ที่โรงพยาบาลนาน 5 วัน จนมีอาการดีขึ้น จึงอยากกลับไปรักษาต่อ และขออยู่ใกล้ญาติ ที่รักษาตัวอยู่ที่ศูนย์พักคอยเทศบาลตำบลหนองไผ่ แต่ระหว่างนั้นคนขับรถคิดว่า มีการประสานผ่านไปทางญาติของเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ให้รับทราบไว้แล้ว จึงได้นำตัวเด็กไปส่งไว้เลย และออกจากศูนย์พักคอยทันที เนื่องจากต้องรีบไปส่งผู้ป่วยรายอื่นต่อ

นายแพทย์สมรัฐ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี เคสเด็กชาย วัย 11 ขวบนั้น ก็เกิดจากการเข้าใจผิด ซึ่งเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมมา คนขับรถได้นำเด็กชายวัย 11 ขวบ ออกไปส่งที่ศูนย์พักคอยเดียวกัน และก็รอจนมีเจ้าหน้าที่ออกมารับตัวก่อน แล้วถึงขับรถออกมา

ซึ่งอย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นายสมพงษ์ มหาวังษ์ นายอำเภอหนองไผ่ ก็ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในทันที ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขอำเภอหนองไผ่ โดยทางนายแพทย์สมรัฐ ศรีตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองไผ่ ก็ได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งได้กำชับทางเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก ถ้ายังพบว่ามีการผิดพลาด ก็คงจะมีการลงโทษทางวินัย

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7APycRHiCSg