สังคม

สธ.ยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 ระดับ 4 ทั่วประเทศ

โดย sitanan_k

21 ก.พ. 2565

1K views

ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019  นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ระบุถึงสถานการณ์โควิด -19 และการเตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาด สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น







ประเทศไทย คาดการณ์ 1-2 สัปดาห์ นี้ระดับผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง ปฏิเสธมาจากการรวมกลุ่มกันในการสังสรรค์ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่แออัดหรือพบคนหมู่มาก หากพบว่า ตัวเองมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เบื้องต้นขอให้ได้ตรวจด้วยชุดตรวจคัดกรอง โควิด-19 ด้วยตัวเอง หรือ แอนติเจนเทสคิด



ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19  2 เข็ม อาจจะไม่เพียงพอต่อการติดเชื้อ  ขอให้ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็วหากครบกำหนดระยะเวลาด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ยังคงสูงขึ้นทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นจะต้องยกระดับเตือนภัยโควิด จากระดับ3 เป็น ระดับ 4

-งดเข้าสถานที่เสี่ยง
-งดทานอาหารร่วมกัน ดื่มสุราในร้าน
-เลี่ยงไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก เช่นตลาด ห้าง
-เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน
-งดร่วมกิจกรรมกลุ่มตามเกณฑ์ต่างๆ
-มาตรการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50 - 80
-ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดหากจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัว
-เลี่ยงไปต่างประเทศ
- หากเข้าประเทศต้องปรับตัวในสถานที่กักกัน




ขณะที่ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์  ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มอายุ  โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยเด็ก วัยเรียน



ในส่วนผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือมีภาวะปอดอักเสบพบมากขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมกว่า 800 ราย  / ส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและพบว่ายังมีกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน โควิด-19 เลย และบางส่วน ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น 13 - 19 กุมภาพันธ์ 115,917 ราย เป็นคนไทยร้อยละ 96.1



การระบาดโควิด สายพันธุ์โอมิครอน พบว่า  ร้อยละ 53 ไม่มีอาการป่วย ส่วน ร้อยละ 47 มีอาการป่วย อาการสำคัญ คือ เจ็บคอ ไอ มีไข้ต่ำ



ขณะที่การติดเชื้อในเด็ก พบเพิ่มขึ้นในเช่น ช่วงอายุ 0-9 ปี ร้อยละ10.3  อายุ10-19 ปี ร้อยละ13.1 แต่ในกลุ่มเด็กอาการหนักไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้สูงอายุหากติดเชื้อ



โดยการติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ กระจายไปยังทั่วประเทศ  กลุ่ม 608 เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ออาการรุนแรงหนัก หลังติดเชื้อ สำหรับกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังมี 18 จังหวัด ทำให้การระบาดโควิด-19 ขณะนี้ พุ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีการผ่อนคลายในหลายมาตรการ



สถานการณ์ การฉีดวัคซีนโควิด ช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น  โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน5-11 ปี /  เข็มที่ 1  394,727 คน  คิดเป็น ร้อยละ 7.7  / เข็มที่ 2   13,741 ร้อยละ0.3  กลุ่มที่มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป  เข็ม1 ฉีดไปแล้ว 10,508,486 คน  ร้อยละ82.7 / เข็ม2



ขณะที่สายพันธุ์การระบาดโควิด-19 ทั่วโลก เป็นสายพันธุ์ โอมิครอน BA.2 ข้อมูลการแพร่ระบาด พบว่า สายพันธุ์ดังกล่าว แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ BA.1  กว่า 1.4 เท่า ขณะที่ไทยตอนนี้ โอมิครอน สายพันธุ์ BA.2 ระบาดไปแล้วกว่า ร้อยละ50



ขณะที่ ข้อมูลองค์การอนามัยโลก พบว่า ความรุนแรงโรค ระหว่าง BA.1 และBA.2 ไม่แตกต่างมากในอาการหนัก  แต่ที่เพิ่มคือการแพร่เชื้อ ซึ่ง BA.2 จะแพร่เชื้อได้มากกว่า อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามข้อมูลในประเทศเพิ่มด้วย



ด้านนพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า การรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 2 เท่า แต่ส่วนอาการหนักไม่ได้เพิ่มขึ้น สถานการณ์การใช้เตียงของประเทศ รวมเขตสุขภาพที่ 1-13  รวม 170,000 เตียง โดยผู้ป่วยร้อยละ 50 อยู่ในเตียงระดับ 1 คือกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว  




ขณะที่สัดส่วนการครองเตียงทั่วประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 49 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ระบบสาธารณสุขรองรับได้ //ขณะที่ อัตราครองเตียง ผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง อยู่ที่ ร้อยละ 14 – 15 สถานการณ์เตียงกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทุกสังกัด  เตียงระดับ 1 คือ สีเขียว อัตราครองเตียงอยู่ที่ 23,608 หรือร้อยละ 50.5 ทั้งนี้การรักษาขณะนี้ได้เปลี่ยนแล้ว โดยทุกรายไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล  แต่สามารถทำการรักษาที่บ้านได้



กรณีที่ผู้ป่วยตรวจพบเชื้อด้วย ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเองแล้ว การตรวจ RT-PCR ไม่มีความจำเป็น และขอให้ผู้ป่วยรักษาตัวในระบบ HI และ CI ก่อนโดยให้ติดต่อ 1330 ส่วนผู้ที่มีอาการหนัก ให้ติดต่อ 1669 จะมีรถมารับไปส่งไปส่งโรงพยาบาล

คุณอาจสนใจ

Related News