สังคม

สาวใส่ตาเทียม หลังถูกแฟนเก่าทำร้ายร่างกายจนตาบอด

โดย onjira_n

9 ก.พ. 2565

308 views

สาวรายหนึ่งโพสต์คลิปการใส่ดวงตาเทียมของตนเองลงใน Tiktok พร้อมเขียนบรรยายว่าอยากจะระบายเรื่องที่ติดอยู่ในใจมากว่า 6 ปี ตั้งแต่เธออายุ 17 ปี โดยตอนนั้นเธอถูกทำร้ายร่างกายจนต้องสูญเสียดวงตา ขณะที่ฝ่ายผู้ถูกกระทำซึ่งเป็นแฟนเก่าของเธอเอง ไม่ต้องติดคุกเพราะตอนนั้นยังเป็นเยาวชน และยังเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าเยียวยาให้เธอด้วย โดยสาวรายนี้ยังระบุในแคปชั่นด้วยว่า “ตอนแรกก็อายที่จะลง แต่ว่าคนที่อายไม่ควรเป็นเรา”



นางสาวณัฐณิชา ประมูลชัย หรือ นัท ผู้เสียหายในวัย 23 ปี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วว่า ตนได้คบหากันเพื่อนชายรุ่นเดียวกัน ซึ่งตอนนั้นทั้งคู่อายุ 17 ปี และครอบครัวฝ่ายชายได้ย้ายไปทำงานที่ภูเก็ต จึงชวนตนไปอยู่ด้วย ไปช่วยกันทำงาน



ปรากฎว่าวันหนึ่งตนกับอีกฝ่ายทะเลาะกัน ซึ่งเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น โดยตนเป็นคนเก็บกวาดบ้าน พออีกฝ่ายหากระเป๋าไม่เจอ ก็มาโวยวายใส่ และมีปากเสียงกัน ตนจึงตัดปัญหาด้วยการหนีขึ้นห้อง แต่อีกฝ่ายตามขึ้นมา ตอนแรกที่เปิดประตูมาตนยังคิดว่าจะมาง้อด้วยซ้ำ



แต่อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามาซ้อมตนทันที ทั้งเตะ ต่อย ตบ จนสุดท้ายอีกฝ่ายชกเข้าที่เบ้าตาซ้ายตนเต็มแรง ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีแหวนหรือกำอะไรไว้ในมือหรือไม่ แต่ภาพสุดท้ายที่ตนเห็น คือมีเลือดออกไหลนองเต็มพื้น แล้วตนก็หมดสติไป แม่ของอีกฝ่ายจึงได้พาส่งโรงพยาบาล



พอตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตาข้างซ้ายไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้ว โดยคุณหมอแจ้งว่า จำเป็นต้องผ่าตัดเอาเนื้อดวงตาออกหนึ่งข้าง เนื่องจากดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ต้องคว้านเนื้อตาออกเพื่อเย็บตาข้างใน วินาทีนั้น ตนช็อคมาก พูดไม่ออก แม้กระทั่งจะร้องไห้ ก็ยังร้องไม่ออก



ทั้งนี้ ตัวผู้ก่อเหตุเองตั้งแต่คบกันมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ช่วงแรกๆ ยังไม่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง แต่ช่วงหลังๆ ก็เริ่มมีอารมณ์รุนแรง มีการทำร้ายร่างกายตนบ้าง ยิ่งคบกันนานก็ยิ่งหนักขึ้น ซึ่งตนก็เคยคิดว่าอยากจะเลิก อยากจะออกมาจากชีวิตเขา แต่ก็ไม่ทัน





ส่วนเรื่องทางคดีความ เนื่องจากตอนนั้นผู้ก่อเหตุเพิ่งอายุ 17 ปี จึงถูกส่งดำเนินคดีที่ศาลเยาวชนในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ แต่เพียงแค่ไม่กี่วัน ตนยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลที่ภูเก็ตเลยด้วยซ้ำ ครอบครัวก็ไปประกันตัวเขาออกมา ขณะที่ศาลก็มีคำสั่งให้ผู้ก่อเหตุ จ่ายเงินค่าเยียวยาชดใช้ให้ตนจำนวน 270,000 บาท อีกฝ่ายก็เจรจาจะขอผ่อนจ่ายเดือนละ 5,000 บาท แต่กลับจ่ายจริงอยู่แค่ประมาณปีแรก ก่อนจะเริ่มบ่ายเบี่ยงต่อศาล จ่ายไม่ครบ 5,000 บ้าง แม่ของอีกฝ่ายอ้างว่าลูกป่วย ตกงาน ไม่มีเงิน พอเข้าปีที่สองก็ไม่จ่ายอีกเลย แม่ตนก็พยายามไปตามให้ ทั้งถามที่ศาล ให้ศาลช่วยตาม แต่อีกฝ่ายก็ยังอ้างไม่ยอมจ่ายจนตนเลิกตามเพราะไม่มีเวลาเดินทางไปกลับภูเก็ตบ่อยๆ



ผู้เสียหาย ยังบอกด้วยว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แม่ของตนแทบใจสลาย เพราะจำนวนเงินค่าเยียวยาที่อีกฝ่ายจะต้องชดใช้ให้ หรือไม่ว่าจะมากกว่านี้สักเท่าไหร่ ก็เทียบไม่ได้กับอวัยวะที่แม่ให้ตนมาครบ 32 ประการ



สำหรับสาเหตุที่นางสาวณัฐณิชา ตัดสินใจออกมาเล่าเรื่องราวดังกล่าวแม้จะผ่านมานานแล้ว เพราะว่าตนได้ไปเห็นคลิปข่าวต่างประเทศเรื่องที่เยาวชนซึ่งเป็นออทิสติกด้วย ก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านตัวเองจนน้องชายเสียชีวิต แต่ศาลได้สั่งจำคุกตลอดชีวิต จึงสะท้อนมาถึงเรื่องของตัวเองว่าทำไมผู้ก่อเหตุถึงไม่ต้องรับโทษแบบนี้บ้าง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ตนต้องสูญเสียดวงตา แม้จะใส่ตาเทียม แต่ก็ไม่ได้ทำให้มองเห็น ช่วงแรกๆ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ใช้เวลานานกว่าจะชินกับการมองเห็นเพียงข้างเดียว



นอกจากนี้ นางสาวณัฐณิชา ยังอยากให้เรื่องของตัวเอง ได้เป็นกำลังใจให้กับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ในการลุกขึ้นมาสู้ต่อ และอยากบอกว่า คนที่ถูกกระทำไม่จำเป็นต้องปกปิด คนที่ต้องอายคือคนที่กระทำมากกว่า โดยทุกวันนี้สภาพจิตใจของตนก็ดีขึ้นมากแล้ว หลังเกิดเหตุ ตนได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ และหางานทำ ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้น เริ่มต้นชีวิตใหม่



โดยหลังจากโพสต์คลิปดังกล่าวไป ตนได้กลับเข้าไปค้นหาเฟซบุ๊กของอีกฝ่ายที่ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็เห็นว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตที่ดีอยู่เลย ซึ่งหากตนได้เห็นตั้งแต่แรกๆ คงรู้สึกร้อนรน แต่ตอนนี้ตนปล่อยวางแล้ว เพราะพบว่าตัวเองก็มีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน และอยากฝากบอกอีกฝ่ายว่า “มีความสุขมากๆ ใช้ชีวิตให้ดีๆ แล้วกัน”


ทีมข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถาม นายนนท์ คู่กรณีที่ทำร้ายร่างกาย นางสาวณัฐณิชา จนต้องสูญเสียดวงตาหนึ่งข้าง โดยนายนนท์ ยอมรับว่า ได้ทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาวจริง แต่ต้นเหตุไม่ได้มาจากเรื่องกระเป๋า แต่ตอนนั้นฝ่ายหญิงทำกับข้าว แล้วแม่ตนชิมบอกว่าเปรี้ยวเกินไป ก็เลยขึ้นมามีปากเสียงกันบนห้อง ฝ่ายหญิงไม่พอใจบอกว่าแม่ตนไปว่าเขา ตนก็พยายามบอกให้ฝ่ายหญิงเบาเสียง กลัวแม่จะได้ยิน และพูดขู่ไปว่า “มึงอย่าเสียงดัง ถ้าเสียงดังจะทำนะ” จนสุดท้ายตนก็ต่อยฝ่ายหญิงไป 1 ที แต่ไม่ได้ตั้งใจจะต่อยเข้าที่ตา ต่อยไปมั่วๆ แล้วก็เห็นเลือดไหลเยอะมาก ไม่คิดว่าจะถึงขั้นตาบอด ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายอย่างอื่นก่อนที่จะต่อย และในมือก็ไม่ได้มีอาวุธหรือแหวนใดๆ



ส่วนก่อนหน้านี้ที่คบกันมา ก็ยอมรับว่ามีการทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงจริง เพราะทะเลาะกันบ่อย โดยสาเหตุที่ใช้ความรุนแรง เพราะตอนนั้นยังเด็ก รู้สึกแค่ว่าต้องทำ จนผ่านมาตอนนี้อายุ 20 กว่าแล้ว กลับมาถามตัวเองว่าตอนนั้นทำไปทำไม ก็ตอบไม่ได้ หากย้อนเวลากลับไปได้ ยืนยันว่าจะไม่ทำ



อย่างไรก็ตาม นายนนท์ ยืนยันว่า หลังเกิดเหตุขึ้น ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังเป็นห่วงและอยากคบกับฝ่ายหญิงต่อ อยากจะดูแลเขา และได้เอ่ยปากขอโทษไปแล้วหลายครั้ง แต่แม่ของฝ่ายหญิงได้พาเขากลับไปรักษาต่อที่กรุงเทพฯ แล้วฝ่ายหญิงก็บล็อกเฟซบุ๊กตนติดต่อไม่ได้อีก ตนยังสมัครเฟซบุ๊กปลอมเข้าไปส่องเขาอยู่เลยช่วง 2-3 ปีแรก



ส่วนเรื่องค่าเยียวยาที่ต้องจ่ายให้จำนวน 270,000 บาท ตนก็พยายามจะจ่ายให้มาตลอด แต่ระยะหลังตนตกงาน ติดขัดเรื่องการเงิน เลยจ่ายไม่ครบ และพออีกฝ่ายเลิกตามไปก็เลยคิดว่า เขาคงไม่คิดจะเอาเรื่องแล้ว แต่ตนก็ยังคิดว่าวันหนึ่งถ้าตนหาเงินได้มากพอ ตนก็จะจ่ายให้ครบ แต่ตอนนี้คงยังเป็นได้แค่ฝัน แต่หากมีหมายศาลมา ตนก็พร้อมไป ไม่คิดหนี



กรณีที่ฝ่ายหญิงบอกว่า ตนยังมีชีวิตที่ดีในขณะที่เขาต้องสูญเสียดวงตา นายนนท์ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นมันจะเรียกว่าใช้ชีวิตที่ดีอย่างที่คนอื่นเห็นได้ไหม เพราะตนก็ตกงาน ไม่มีเงิน ต้องย้ายที่อยู่ไปหางานทำเรื่อยๆ แต่ยืนยันว่าเรื่องที่ได้กระทำไป ตนไม่เคยลืม ยังติดอยู่ในหัวตลอด และตนก็บอกกับเพื่อน บอกกับคนอื่นตลอดว่าเคยทำอะไรมา เคยมีคดีความ


คุณอาจสนใจ

Related News