สังคม

กกร.หวั่นเงินเฟ้อปี 65 หลังของแพง วอนรัฐตรึงราคาสินค้า

โดย sitanan_k

2 ก.พ. 2565

39 views

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ระบุ ที่ประชุมประเมินว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจช่วงต้นปีมีแนวโน้มชะลอตัวบ้าง แต่ผลกระทบโดยรวมคาดว่าไม่รุนแรง หลายประเทศแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป แต่การบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเข้มงวดน้อยกว่าในช่วงของการระบาดของสายพันธุ์เดลตามาก เนื่องจากความรุนแรงของโรคลดลงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงชะลอลงบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ภาคการส่งออกของไทยจึงยังมีโอกาสที่จะยังเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้หากสามารถป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดมีผลกระทบรุนแรงต่อ supply chain ของภาคการผลิตได้



ปัจจัยเสี่ยงคือความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่มีโอกาสส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย หากสถานการณ์ลุกลามจนส่งผลให้สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ก็จะกดดันให้การค้าโลก รวมถึงการค้าระหว่างไทยและรัสเซียได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ หากทางรัสเซียตอบโต้ด้วยการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ จะยิ่งกดดันให้อุปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตึงตัวมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอันดับที่สองของโลก อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่สูงอาจส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเหล็ก และอลูมิเนียม ในกรณีที่แย่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาสแรกของปี 2565 อาจพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวต่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะการท่องเที่ยว



หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมาก จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมถึงราคาสินค้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาสินค้าและบริการในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก จนเริ่มส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลให้ที่ประชุม กกร. ปรับขึ้นประมาณการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 65 อยู่ในกรอบ 1.5-2.5% จากเดิมประเมินอยู่ที่ 1.2-2% โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 3% ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงกว่าที่ประมาณการได้ แต่ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 65 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3% ถึง 4.5% เช่นเดียวกับประมาณการการส่งออกยังขยายตัวในกรอบ 3% ถึง 5.%



นอกจากนี้ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เสนอขอปรับขึ้นค่าแรงเป็น 492 บาท ทั่วประเทศ และดูเหมือนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะรับลูกแล้วนั้น เพราะมองว่าแต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการกลางทั้งนายจ้างลูกจ้างและภาครัฐ เพื่อพิจารณาค่าแรง ซึ่งจะแตกต่างในแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับภาวะค่าครองชีพและรายได้ จึงควรพิจารณาขึ้นค่าแรงตามองค์ประกอบในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องยอมรับหากมีการปรับขึ้นค่าแรงเนื่องจากค่าของชีพที่สูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันภาครัฐมีหน้าที่เข้ามาดูแลควบคุมต้นทุนราคาสินค้า เช่น ราคาน้ำมันเพื่อบรรเทาต้นทุนของทุกฝ่าย ซึ่งประเมินว่าครึ่งปีแรกปีนี้แนวโน้มราคาสินค้าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในไตรมาสแรก ส่วนไตรมาสสองยังคงคาดหวังว่าจะเห็นแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวลงอยู่บ้าง



ทั้งนี้ กกร.ขอความร่วมมือภาคเอกชนในการตรึงราคาสินค้า โดยขอให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบที่มีอยู่เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาออกไปก่อน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน



ขอให้ภาครัฐตรึงราคาพลังงานเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง  โดยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตและการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ



พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ โดยปรับมาตรการ Test & Go ให้ลดจำนวนครั้งการตรวจ  RT-PCR ให้เหลือเพียงวันที่เดินทางถึงไทย และให้ใช้วิธีการส่งผลตรวจ ATK ผ่านระบบ หลังการเดินทางเข้าประเทศ 5 วัน แทนการตรวจด้วย RT-PCR เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญในการที่จะนำเม็ดเงินเข้ามาในประเทศและเพิ่มรายได้ในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News