เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวในไตรมาสแรก 2024 แต่เงินเฟ้อยังสูง ดับฝันเฟดลดดอกเบี้ย

เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 (มกราคม - มีนาคม) โดยพบว่า มีการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สหรัฐฯพบกับภาวะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น ส่วนเงินเฟ้อซึ่งยังสูงอยู่ ก็ยิ่งตอกย้ำการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะไม่ปรับลดดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายนนี้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ขยายตัว 1.6% ในไตรมาสล่าสุด โดยได้อานิสงส์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตที่ 3.4%

อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวนี้ต่ำกว่าการคาดการณ์ ที่นักวิเคราะห์มองว่าจะเติบโตได้ที่ 2.4% โดยเผยให้เห็นถึงการชะลอตัวของการขยายตัวของจีดีพี ที่สะท้อนภาพของภาคธุรกิจที่ค่อย ๆ ลดการสั่งสมสินค้าคงคลัง และการเปลี่ยนแปลงในแผนการใช้จ่ายของรัฐบาล

โอลู โซโนลา หัวหน้างานด้านวิจัยทางเศรษฐกิจของ บริษัท ฟิตช์ ให้ความเห็นว่า รายงานล่าสุดนี้ ส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันเองออกมา โดยเห็นว่า “การขยายตัวของเศรษฐกิจได้ ชะลอตัวลงอย่างช้า ๆ แต่เงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้นมาอีก ทำให้ความคาดหวังว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในปี 2024 ก็ยิ่งดูไกลความจริงออกไปขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”

ในไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (ดัชนี PCE) ที่ไม่คิดรวมราคาพลังงาน และอาหาร พุ่งขึ้น 3.7% เทียบกับ 2.0% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งดัชนี PCE ดังกล่าวเป็น ตัวเลขหนึ่งที่เฟดติดตามคอยดู เพื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงระดับดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ในช่วง 5.25% - 5.50% มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว หลังปรับขึ้นมารวมกันถึง 5.25% นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2022 เป็นต้นมา

การขยายตัวของจีดีพีที่ลดลงดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นในสหรัฐฯร่วงกันตั้งแต่เปิดตลาด โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ได้ร่วงไปแล้วราว 375.12 จุดทีเดียว

---------------