ศบค.ชี้ยอดโควิดพุ่งสูง แต่ไร้รุนแรง แนะร่วมมือ มีทิศทางเป็นโรคประจำถิ่น

การแถลงของ ศบค. ตัวเลขสถิติในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า แม้ภาพรวมยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะพุ่งสูงขึ้น แต่จำนวน ทั้งอัตราผู้ป่วยปอดอักเสบ และเสียชีวิต ลดลงต่อเนื่อง นี่จึงเริ่มมีทิศทางเป็นแบบโรคประจำถิ่น

วันนี้ (12 ม.ค.) ในการแถลงของ ศบค. โดย แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 นับตั้งแต่วันที่ 1-12 ม.ค.2565 สะสมอยู่ที่ 68,855 ราย

ที่น่าสนใจ มีการเปรียบเทียบสถิติ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2564 จนถึงล่าสุดวันนี้ 12 ม.ค.2565 พบว่า แม้ยอดผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงขึ้นจาก 3,037 มาเป็น 7,681 ราย แต่ทั้ง ผู้ป่วยปอดอักเสบ และใส่ท่อช่วยหายใจ รวมถึงผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

ดังนั้นสถานการณ์โควิด-19 วันนี้จึงเริ่มมีทิศทางเป็นแบบโรคประจำถิ่น คือเราสามารถใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับโรคได้ แต่โควิด-19 จะไม่เหมือนโรคประจำถิ่นอื่นๆ ถึงแม้เราจะอยู่กับโรคก็ต้องอยู่แบบวิถีใหม่ เช่น สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เว้นระยะห่างลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

โดยขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ "โอมิครอน" ซึ่ง ถือว่ามีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้ามาก และประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการได้รับวัคซีน "หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เคร่งครัดมาตรการ เราจะมีความหวังว่าในปีนี้โรคโควิด-19 จะเปลี่ยนจากโรคระบาด มาเป็นโรคประจำถิ่น"

แพทย์หญิงสุมนี บอกว่า ในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศบค. (ศปก.ศบค.) เป็นห่วงการติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดนำร่องการท่องเที่ยวสีฟ้า ที่มียอดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ นนทบุรีและปทุมธานี ที่ก่อนหน้านี้ 3-4 วัน ยอดติดเชื้ออยู่หลับสิบ แต่ตอนนี้กระโดดขึ้นมาเป็นเลขสามหลัก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่จุดเสี่ยงคลัสเตอร์การแพร่ระบาด กลุ่มใหญ่ยังมาจากร้านอาหารกึ่งสถานบันเทิง ที่มีรายงานใน 8 จังหวัด

ชมผ่านยูทูบ :    https://youtu.be/rl9TANaxiis