ปศุสัตว์ ยอมรับครั้งแรก ไทยพบ “โรคอหิวาต์แอฟริกาหมู” เร่งสอบสวนหาที่มา

กรณีผลกระทบจากปัญหาหมูเเพง เเละโรคระบาดในสุกร ล่าสุด อธิบดีกรมปศุสัตว์ ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า พบโรคอหิวาต์แอฟริกา หรือโรค ASF โดยพบในโรงฆ่าสัตว์จังหวัดนครปฐม


นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านวิชาการป้องกัน ควบคุม และกำจัดโรค ASF หรือ อหิวาต์แอฟริกาในสุกร เปิดเผยว่า มีการตรวจพบเชื้อ ASF จาก 1 ตัวอย่าง ที่เก็บมาจากโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม จากตัวอย่างทั้งหมด 309 ตัวอย่าง โดยยืนยันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ของสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ


หลังตรวจพบเชื้อ กรมปศุสัตว์ได้ส่งชุดเฉพาะกิจ ลงพื้นที่สอบสวนถึงแหล่งที่มาของสุกรและสาเหตุ / กรณีตรวจพบโรคในประเทศ กรมปศุสัตว์จะต้องประกาศเป็นเขตโรคระบาด ควบคุมการเคลื่อนย้ายในรัศมี 5 กิโลเมตร รอบจุดที่พบโรค และทำลายสุกรที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค หรือ มีความเชื่อมโยงทางระบาดวิทยากับฟาร์มที่เป็นโรค และจ่ายค่าชดเชยราคาสุกรที่ถูกทำลาย



ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่อยู่ในรัศมีการควบคุมโรค การเคลื่อนย้ายสุกร จะต้องได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ก่อน ขณะเดียวกันกรมปศุสัตว์ จะต้องแจ้งการพบโรคไปยังองค์การสุขภาพสัตว์โลก หรือ OIE เพื่อแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกทราบ



อธิบดีกรมปศุสัตว์ย้ำว่า สุกรที่เป็นโรค ASF จะไม่ติดต่อสู่คน หรือสัตว์ชนิดอื่น ยังสามารถบริโภคเนื้อสุกรได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องปรุงสุกที่อุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส


ทั้งนี้ หลังจากกรมปศุสัตว์เเถลง ก็มีความเคลื่อนไหวเเละตั้งคำถามจากพรรคฝ่ายค้านทันที ในฝั่งของพรรคก้าวไกล มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคฯ เดินทางมาขอข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ โดยเฉพาะจำนวนผลการตรวจยืนยันฟาร์ม และจำนวนสุกรที่ติดเชื้อ ASF และการทำลายสุกรแยกตามจังหวัด ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน


รวมทั้งขอข้อมูลงบประมาณการจ่ายเงินชดเชยเกษตรกร เนื่องจากมีการทำลายสุกรตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ ตั้งแต่ปี 2562-ปัจจุบัน โดยให้เวลา 7 วัน ในการรวบรวมข้อมูล


นายปดิพัทธ์ บอกว่า การมาขอข้อมูลวันนี้ จะนำไปตรวจสอบและศึกษารูปแบบการระบาด หากมีการติดเชื้อเพียง 1 ตัวอย่างที่โรงฆ่าสัตว์นครปฐม ตามที่กรมปศุสัตว์ยืนยัน เเล้วทำไมที่ผ่านมา จึงมีหมูตายและถูกทำลายจำนวนมากในหลายพื้นที่ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเพียง 1 ตัวอย่าง เพราะแม้จะเจอเชื้อเพียงเล็กน้อย ก็สามารถอนุมานได้ว่ามีการติดเชื้อในฟาร์มเกือบทั้งหมด เพราะเชื้ออยู่ได้นาน



ขณะพรรคเพื่อไทย โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคฯ ประกาศจะดำเนินการกับรัฐบาลอย่างถึงที่สุด จากปัญหาราคาหมูแพงและโรคระบาด ASF

ก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรฯ เคยประกาศให้เรื่องโรคระบาด ASF เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 แต่รัฐบาลกลับปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการอะไร และปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโรค จึงขอตั้งคำถามว่า ทำไมต้องปกปิด เพราะไม่มีเงินจ่ายชดเชย หรือเพราะต้องการทำลายล้างเกษตรกรรายย่อย เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นของนายทุนรายใหญ่หรือไม่



ทั้งนี้ฝ่ายค้านจะดำเนินการเรื่องนี้ ทั้งการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เเละจะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้เอาผิดทั้งรัฐมนตรีและอธิบดีกรมปศุสัตว์



ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ซึ่งติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง เปิดเผยข้อมูลว่า วันที่ 5 ก.ค.ปีที่เเล้ว กระทรวงเกษตรฯได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการนายกฯเพื่อขออนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันโรค AFS ในสุกร และสำนักเลขาธิการนายกฯทำหนังสือลงวันที่ 9 กรกฎาคม ปีที่แล้ว อนุมัติงบกว่า 400 ล้านบาท หากไม่มีการระบาด การเบิกเงินครั้งนั้น ถือเป็นการเบิกเท็จหรือไม่


ส่วนความเคลื่อนไหวทางฝั่งรัฐบาล วันนี้ครม.มีการพิจารณาปัญหาหมูแพง และความชัดเจนเรื่องโรคระบาดในสุกร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ครม.ได้อนุมัติงบกลาง 574 ล้านบาท เพื่อป้องกัน โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโรคระบาดร้ายแรงในหมู โดยจะเป็นค่าใช้จ่ายในการทำลายหมู ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม - 15 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีเกษตรกร ได้ทำลายหมูไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจำนวน 4,941 ราย มีหมูถูกทำลาย 159,453 ตัว ในพื้นที่ 56 จังหวัดทั่วประเทศ