นายกฯ เผยไทยติดอันดับหลายด้าน ตั้งเป้าปี 65 ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ครั้งแรกของปี 2565 ถึงประชาชน ถึงการแก้ปัญหาปี 2564 ที่ผ่านมา ว่าเป็นปีที่ไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด รวมทั้งปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจำเป็นต้องปิดประเทศ

นอกจากนั้นยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ได้สั่งการและติดตามการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุดในยามวิกฤต ตนจึงรู้สึกยินดีที่มาตรการต่างๆ ที่สั่งการไปนั้น ช่วยคลี่คลายหลายปัญหาให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่น การจัดการปัญหาโควิด รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนได้มากกว่า 100 ล้านโดส เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลงได้ จนสามารถเปิดประเทศ เปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ได้ บนมาตรการความปลอดภัย

ซึ่งผลจากการเปิดประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ในปีหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นทุกภูมิภาค ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และการลงทุน เศรษฐกิจไทยจะพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565 ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันโครงการคนละครึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษากำลังซื้อในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ประชาชนได้ประโยชน์จริง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรายย่อย เฉพาะเฟส 3 มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2 แสนล้านบาท และพร้อมขยายผลเฟส 4 ในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย.65 และท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด รัฐบาลได้ออกโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ที่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท สร้างการจ้างงานใหม่ได้มากกว่า 2.65 ล้านตำแหน่ง

ขณะที่ด้านการเกษตร ราคาข้าวตกต่ำ โครงการประกันรายได้ สามารถช่วยเหลือชาวนาไทยได้ 4.7 ล้านครัวเรือน เป็นเงินมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท

และที่สำคัญที่ทำให้ตนกังวลใจ และเป็นห่วงประชาชน มากสุด คือ "ปัญหาหนี้สินครัวเรือน" ซึ่งวิกฤตโควิดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปีนั้น ยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาหนักหน่วงขึ้นไปอีก ตนจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการผ่อนคลายความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น ตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้วอย่างน้อย 8 ด้าน เช่น การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านกลไกธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินของรัฐ การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ให้สำเร็จให้ได้

โดยสองกลุ่มอาชีพสำคัญที่เป็นเป้าหมาย และมีปัญหาหนี้สินที่หมักหมมมานาน คือ กลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการโดยด่วนตามแนวทางที่ได้วางไว้ ทั้งการยุบยอดหนี้ การปรับลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงระบบการตัดเงินเดือน การพักชำระหนี้ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยควรที่จะมีเงินหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า แม้ว่าอาจจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมายในปี 2564 กับประเทศของเราและทั่วโลก แต่ไทยเราสามารถผ่านมาได้ด้วยความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

ส่งผลประเทศไทยแข็งแกร่งขึ้น เกิดโอกาสในวิกฤตโควิดที่เปิดทางให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพระดับโลก และได้รับการยอมรับระบบสาธารณสุข อันดับ 5 ของโลก รวมถึงกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่ามาทำงานและท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก และไทยเป็น Top Ten ของประเทศที่มีวัฒนธรรม และน่ามาเยือนมากที่สุด ทำให้ตนเชื่อมั่นว่าปี 2565 จะเป็น “ปีแห่งการต่อยอด” ของไทย จากศักยภาพและความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตที่เราได้สร้างไว้ตลอดปี 2564

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังอวยพรขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุข ร่มเย็น ประชาชนชาวไทยทุกคน ประสบพบเจอกับสิ่งที่ดีตลอดทั้งปี ปลอดโรค ปลอดภัย เปี่ยมพร้อมไปด้วยแรงกายแรงใจ ในการช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าตามเป้าหมาย ในปีใหม่ 2565