สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 28 ธ.ค.64 เปิดฉายารัฐบาล-โอมิครอนในไทยพุ่ง 514 คน-รวบอดีตพิธีกรโกงร้อยล้าน

โดย thichaphat_d

28 ธ.ค. 2564

67 views

-โอมิครอน พุ่ง 514 คน กระจายใน 14 จังหวัด กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ สถานการณ์แย่สุด อาจมีผู้ป่วย แตะวันละ 3 หมื่น แต่หากควบคุมได้ดี จะติดเชื้อแค่หนึ่งหมื่นต่อวัน ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุไทยเข้าสู่การเตือนภัยระดับ 3 จากทั้งหมด 5 ระดับ เชื่อหลังปีใหม่ ระบาดมากขึ้น จ่อ Work from home  

-ชาวบ้านแค้น ฮือสาปแช่ง ฆาตรกรโหดฆ่าแทงสาววัย 23 ตายในคอนโด ย่านบางพลี ผู้ต้องหาอ้าง หวังชิงทรัพย์ ไม่เจตนาล่วงละเมิดทางเพศ แต่ผู้ตายมาเห็นก่อน จึงต่อสู้ ใช้มีดที่พกมาแทงจนตาย ขณะที่ญาติสุดเศร้ารับศพ ลุงกับป้า พาลูกชายวัย 4 ขวบ จุดธูปไหว้ร่างไร้วิญญาณของแม่ ลั่นไม่ให้อภัยคนร้าย พบเฟซบุ๊ก ‘น้องเต้ย’ โพสต์ เคยถูกงัดประตูห้อง 2 ครั้ง ก่อนถูกคนร้ายบุกมาแทงเสียชีวิต

-เดือดกลางศาลาวัด สาวสอง พุ่งล้ม-สาดสำรับข้าว น้ำแกงใส่เจ้าอาวาส เปื้อนทั้งตัว คว้าไมค์ประกาศไล่เจ้าอาวาส ปมขายโลงเย็น ไม่แจ้งชาวบ้าน ด้านสาวสองอ้างอดหลับอดนอน ทำให้หน้ามืด ยืนยันไม่มีเจตนาทำร้าย เตรียมเข้าขอขมา ขณะที่เจ้าอาวาสขึ้นโรงพักแจ้งจับ ลั่นหากจะขอขมา ให้หาเงินมาทำบุญ 3 ล้านบาท

-ม็อบผู้ค้าสลากรายย่อย ลุกฮือทั่วประเทศ คัดค้านรื้อโควต้าสลาก ชี้ไม่เป็นธรรม เหตุกลุ่มยี่ปั้วถือครองโค้วต้าถึง 30% กลับไม่โดนรื้อด้วย ด้านสามเจ๊ แม่ค้าหวยคนดัง บุกศาลากลางกาญจนบุรี ผนึกกำลังผู้ค้าสลาก 13 อำเภอ ร้องผู้ว่าราชการ ช่วยให้ผู้ค้าสลากทั้งหมดค้าได้โควต้าเหมือนเดิม ผอ.กองสลาก แจงกลุ่มเดิม 150,000 หมื่นราย ถ้าขาย 80บาทจริงได้สิทธิ์ก่อน

-2 บิ๊ก ทร. ยืดอกรับผิดชอบ นาวาเอกเมากร่าง ขาดสติ อ้างชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” ขู่ตำรวจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ลงโทษตัวเอง โกนหัว – เข้ารับทัณฑ์ธำรงวินัย ในฐานะผู้บังคับบัญชา

-บุกรวบ ลูกน้ำ อดีตพิธีกร รายการ สตอเบอรี่ชีสเค้ก กลางลานจอดรถห้างดัง ผู้เสียหายแฉ ลูกน้ำหลอกชักชวนคนในโซเชียล ร่วมลงทุนออนไลน์ ขายสินค้าแบรนด์เนม กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับ อ้างจะแบ่งกำไรให้ เหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก เสียหายกว่า 100 ล้านบาท

-พ่อแม่มิกกี้-สามีเจนี่ เอาจริง บุกโรงพัก ขอดูหน้าผู้ต้องหา โพสต์บูลลี่หลานและครอบครัว ลั่นไม่ยอมความ เงินไม่ช่วยอะไร จะฟ้องให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นคดีเป็นตัวอย่าง สลดใจ เกรียนคีย์บอร์ดหลายคน เป็นผู้หญิง บางรายมีลูกแล้ว อ้างด่าตามเพื่อน

-แชร์ว่อนหนุ่มเข้าส้วม สถานีขนส่งผู้โดยสาร กาญจนบุรี เจอนิ้วปริศนาโผล่ทักทาย เทศบาลลงพื้นที่ ซ่อมปิดรูแล้ว ขณะที่แม่บ้านชี้ปัญหาซ้ำซาก ซ่อมแล้วก็โดนเจาะอีก



เรื่องเล่าการเมือง

-ฉายารัฐบาลประจำปี 2564 ที่ตั้งโดยนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล


เริ่มจากฉายารัฐบาล ได้ชื่อ "ยื้อยุทธ์" โดยผู้สื่อข่าวทำเนียบฯอธิบายว่า เพราะภาพของรัฐบาลที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจและตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน มองว่าการดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่อย่างไร ใครไม่อยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่

-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ชำรุดยุทธ์โทรม"

คำอธิบาย คือ การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ

-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "รองช้ำ"

เพราะ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป. ประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว

-นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ฉายา "ว้ากซีน"

ล้อมาจากคำว่า "วัคซีน" ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะใน Social Media จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส

-นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ฉายา "นายกฯ บางโพล"

สืบเนื่องมาจาก หลงจากนายจุรินทร์ แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง ก็มีผลสำรวจของบางโพลเท่านั้นที่ต้องการให้นายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไป ไม่ใช่ทุกโพล

-นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพลังงาน ได้ฉายา "มหาเฉื่อย 4D"

เพราะเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด ประชาชนกลายเป็นประชาจน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจ็คต่างๆ ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์ เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป

-นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้ฉายา "สุชาติ ชมเก่ง"

เพราะเกือบทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของรัฐบาลหรืองานในความรับผิดชอบ นายสุชาติมักจะขึ้นต้นประโยค ด้วยการชื่นชมและยกยอปอปั้น พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร อยู่เสมอ

-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ฉายา "สายขม นมชมพู"

ซึ่งก็มาจากปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาราคาซังมานานข้ามปี ยังไม่มีข้อยุติ กลายเป็นเรื่องขมคอของหลายหน่วยงานภาครัฐ และกรณีมีภาพหลุดเชื่อมโยงคลัสเตอร์โควิด-19 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวแค่สะท้อนชีวิตหนุ่มโสด ร้องคาราโอเกะ ดื่มนมชมพู

-นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ฉายา "ดีลล่มระดับโลก"

ซึ่งมาจากการออกตัวการันตี ลิซ่าวง Black Pink ตอบรับมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนที่ดีลจะล่มไม่เป็นท่า ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต

-ขณะที่วาทะแห่งปี 2564 คือ "นะจ๊ะ"

เป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดาเมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤติ คือวิกฤติโควิด-19

โดยเฉพาะการแถลงหลังการประชุมวัคซีนและการแก้ปัญหาโควิด ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยว่ารัฐบาลจะตัดสินอย่างไร ต่อข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล สะท้อนภาวะผู้นำที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ

ซึ่งวันนั้นท่านนายกฯก็มีทั้งพูดเล่น หัวเราะ และ มีคำว่า นะจ๊ะ เป็นเสียงช่วงท้ายในการแถลงของท่านนายกฯเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นที่มาของวาทะแห่งปี คือ คำว่า “นะจ๊ะ”

-ส่วนความเห็นหลังจากฉายาดังกล่าวออกมา ในจำนวนผู้ถูกตั้งฉายาเมื่อวานมีเพียงความเห็นจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล เจ้าของฉายา “ว้ากซีน” โดยระบุว่า “ขอบคุณ และดีใจที่เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารเรื่องวัคซีนไปถึงประชาชน

ช่วงหนึ่ง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ว่าจะตั้งฉายาให้ตนเองว่าอย่างไร ซึ่งนายอนุทิน ได้หัวเราะ และระบุว่า คิดไม่ออก ขอทำงานดีกว่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเคืองหรือไม่ที่ถูกตั้งฉายาแบบนี้ นายอนุทิน ระบุเพียงสั้นๆ ว่า “ภูมิใจ ภูมิใจ ภูมิใจไทย” ซึ่งก็หมายถึงพรรคของท่าน

ส่วนกรณีที่สื่อทำเนียบตั้งฉายารัฐบาลว่า "ยื้อยุทธ์" นายอนุทิน บอกว่า ก็ดี และให้นายกรัฐมนตรีได้อยู่ครบเทอม โดยย้ำว่า ถ้าไม่ดีจริง ไม่อยู่ถึงวันนี้ และมือเท่าไหร่ก็คงยื้อไม่ได้

-ขณะที่ในมุมของฝ่ายค้าน อย่างโฆษกพรรคเพื่อไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ บอกว่า ฉายารัฐบาล "ยื้อยุทธ์" เป็นฉายาที่เหมาะสม เพราะมีการยื้อยุดฉุดกระชากอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ มีโอกาสที่จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ แต่ก็มีการยื้อมีการแย่งชิง สุดท้ายก็ตกลงกันได้ ก็ถือว่าพลเอกประยุทธ์ยื้อสำเร็จ

นอกจากนี้ยังมีความเห็นของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล พูดถึงฉายา “ชำรุดยุทธ์โทรม” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า สะท้อนได้ตรงดี กับการหมดสภาพการเป็นผู้นำแล้ว

พร้อมย้ำว่า การพ้นตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น พรรคก้าวไกล ไม่ได้มองถึงการดำรงตำแหน่ง 8 ปีที่เป็นประเด็นข้อกฎหมาย แต่ นายกรัฐมนตรี จะต้องไปจากตำแหน่งด้วยตัวเอง ที่ทำให้คนในชาติสิ้นความหวัง และทำให้ประชาชนเดือดร้อน

-สถานการณ์ปัญหาข่าวปลอมในสังคมไทย ล่าสุดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดีอีเอส ได้แถลงสรุปผลการดำเนินงาน พบว่าตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์มา มีคนไทยแชร์ข่าวปลอมมากกว่า 23 ล้านคน และที่น่าตกใจพบว่าคนที่แชร์ข่าวปลอมมากสุด คือกลุ่มครูบาอาจารย์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กระทรวงดีอีเอส ร่วมกัน แถลงผลการตรวจสอบข่าวปลอม โดยเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมาเมื่อวันที่ 1 พ.ย 62 ถึง 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา พบ มี ผู้โพสต์ข่าวปลอม มากถึง 1,167,543 คน และมีผู้แชร์ข่าวปลอม มากถึง 23,785,145 คน

โดยกลุ่มอาชีพที่แชร์ข่าวซึ่งเข้าข่ายเป็นข่าวปลอม 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอาชีพคุณครู อาจารย์ มากถึง 14.0% ตามมาด้วย กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มอาชีพช่างภาพ 9.4% และกลุ่มอาชีพวิศวกร 7.0%

นายชัยวุฒิ กล่าวว่าภาพรวมตลอดปี2564 ถือว่าข่าวปลอมลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากการตรวจสอบอย่างจริงจังและการให้ความรู้ประชาชนเพิ่มขึ้น

ขณะที่ นายสันติภาพ เพิ่มมงคลทรัพย์ รองผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เปิดเผยว่า ตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมา พบข่าวปลอมที่ประชาชน ได้รับผลกระทบมากสุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับ 1 ข่าวปลอม เรื่องคลิปคนล้มท้ังยืนจากไวรัสโคโรน่า

อันดับ 2 ข่าวปลอม เจ้าหน้าที่รัฐเปิดพัสดุตรวจยึดหน้ากากอนามัย

อันดับ3 ข่าวปลอม เรื่อง ลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาทและต้องมีเครื่องหมายถูกสีเขียวปรากฎ

อันดับ4 ข่าวปลอม รัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับคนไทย 7,000 คน กลับจากอิตาลี

อันดับ 5 ข่าวปลอม เตือนเกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม เป็นต้น


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/sBDD2Q0cpRg

คุณอาจสนใจ

Related News