สังคม
'หมอซินเทียร์' ห่วงสถานการณ์ชายแดนบานปลาย กระทบการช่วยเหลือทางการแพทย์ยัง
โดย kodchaporn_j
27 ธ.ค. 2564
137 views
ยังคงมีการปะทะในฝั่งเมียนมา ริมชายแดนไทย แม่สอด จนมีกระสุนตกมาฝั่งไทยอีกในวันนี้ ทางการไทยยังคงประท้วงไปยังเมียนมาให้ระมัดระวังการใช้อาวุธมารุกล้ำอธิปไตยของไทย ซึ่งยังคงมีผู้หนีภัยความไม่สงบจากเมียนมา อีกว่า 4,500 คน ที่หากสถานการณ์ยืดเยื้อทำให้มีความเป็นห่วงการดูแลทางการแพทย์ในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ที่ยังเข้าถึงลำบาก
ช่วงเวลา 14.00 น.วันนี้ (27 ธ.ค.) ยังคงมีการปะทะระหว่างทหารเมียนมา กับทหารกะเหรี่ยง KNU ที่ผนึกกำลังกับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน pdf โดยทหารเมี่ยนมา ใช้อากาศยานในการโจมตีทางอากาศ สามารถมองเห็นเฮลิคอปเตร์สองลำ จากฝั่งบ้านดอยไชย ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตากและจากนั้นได้ยินเสียงปืนปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยต้องปิดเส้นทางห้ามเข้าในจุดเตี่ยง และแจ้งเตือนประชาชนไทยที่อยู่ใกล้ชายแดนระมัดระวังความปลอดภัย
และหลังจากนั้นไม่นาน มองเห็นกลุ่มควันในฝั่งบ้านทอดตะเล จังหวัดเมียวในฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบ สามารถมองเห็นชัดเจนจากบ้านดอนไชย ซึ่งศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา รายงานสถานการณ์การสู้รบมีขึ้นในบ้านทอดตะเล ห่างชายแเดนไทย 500 เมตร มีกระสุนไม่ทราบชนิดตกมายังฝั่งไทย และมีการใช้อากาศยานโจมตีทางอากาศในพื้นที่เมืองเลเกก่อ ห่างจากไทย 5 กิโลเมตร ซึ่งกองกำลังนเรศวรได้ประท้วงไปยังรัฐบาลเมียนมา ผ่านคณะกรรมการ tbc ให้ระวังการใช้อาวุธและปฏิบัติการทางอากาศที่ไม่รุกล้ำอธิปไตยไทย
ในขณะที่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวของไทย ทั้งที่สนามกีฬาบ้านแม่กุหลวง ซึ่งมีผู้หนีภัยมาเพิ่ม 27 คนรวมเป็น 1,042 คน ซึ่งทางปกครอง ท้องถิ่น ช่วยกันดูแล และต้องมีการจัดชุดรักษาความปลอดภัยและป้องกันโรคโควิด-19 ด้วย ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดใหญ่รองจากคอกวัวมหาวันเมยโค้ง ตำบลมหาวัน ที่มีเข้ามาเพิ่ม 79 คน มีผู้สมัครใจเดินทางกลับ 191 คน ยังคงเหลือ 3,513 คน รวมถึงที่บ้านหมื่นฤาชัย จำนวน 121 คน รวมกว่า 4,500 คนซึ่งทางการไทยมีการจัดระบบในการจัดการดูแลตามหลักมนุษยธรรม ร่วมกับหลายหน่วยงาน ซึ่งสถานการณ์ที่ยืดเยื้อกว่า 10 วัน ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่อง ทั้งความปลอดภัยของประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดน ที่ต้องเผชิญความไม่ปลอดภัยด้านระเบิด และกระสนุปืน รวมถึงผู้หนีภัยในพื้นที่ปลอดภัยต่างๆ
หมอซินเธีย หม่อง แพทย์ชาวเมียนมา ที่ลี้ภัยทางการเมืองตั้งแต่ปี 1988 ผู้ก่อตั้งแม่ตาวคลินิก ก็เป็นห่วงการดูแลทางการแพทย์ ที่มีกลุ่มอาสา และองค์กรการแพทย์สากล ที่คอยประสานงานหากมีผู้บาดเจ็บหนักก็ส่งมายังโรงพยาบาลแม่สอดที่หใ้การช่วยเหลือทางการแพทย์ตามหลักมนุษยธรรม แต่ถ้าหากสถานการณ์ยืดเยื้อและยังมีปัญหาโควิดมาอีก อาจต้องวางแผนดูแลกลุ่มเปราะบาง อย่างเช่นแม่และเด็กทารกที่มีจำนวนมากด้วย
หมอซินเธีย หม่อง เปิดเผยว่า ในฝั่งไทยยังได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ แต่ภายในชายแดนฝั่งเมียนมายังน่าห่วง เพราะสถานการณ์ในประเทศเมียนมา เกิดวิกฤติตั้งแต่การทำรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมา รวมถึงเมื่อมีการสู้รบในพื้นที่กองกำลังชาติพันธุ์ต่าง ส่งผลให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างยากลำบากการขนส่งเวชภัณฑ์ยารักษาโรคการเข้าถึงความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมเป็นไปอย่างยากลำบากมาก แม่ตาวคลินิกมีอาสาสมัครทางการแพทย์ ที่ฝึกอบรมและกระจายตัวไปตามรัฐกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่ดูแลในเขตชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อช่วยเหลือกรณีที่มีผู้บาดเจ็บจากการสู้รบด้วย
โดยที่ผ่านมาทำงานร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่สอด ด้วยความสนับสนุนของกาชาดสากลและหลังจากที่รักษาผู้ป่วยจากการสู้รบเสร็จสิ้นก็จะใช้แม่ตาวคลินิกเป็นที่พักพิงชั่วคราวเนื่องจากผู้อพยพหนีภัยสงครามยังไม่สามารถเดินทางกลับไปในชุมชนที่อยู่อาศัยเดิมได้ด้วย