ที่แท้เป็นตำรวจ! มือกราดยิงรถเมล์เปิดปากสารภาพ เครียด ทะเลาะแฟนสาว จึงลงมือก่อเหตุ

จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น part 2 แชร์คลิปเหตุการณ์ขณะชายคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์มาขวางหน้ารถเมล์ แล้วเดินมาพูดคุยกับคนขับรถ จากนั้นได้เดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์อีกครั้ง เพื่อไปหยิบอาวุธปืนแล้วเดินกลับมาหาคนขับบริเวณประตูทางขึ้นผู้โดยสาร

ก่อนที่จะขับขี่รถจักรยานยนต์ตามรถเมล์และใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถเมล์ 1 นัด ระหว่างที่เกิดเหตุได้มีเสียงผู้ถ่ายคลิปที่อยู่บนรถเมล์ อยู่ในอาการตกใจกลัวและมีเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบตามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังอู่รถเมล์สาย 71 ซึ่งเป็นรถที่ปรากฏตามคลิปดังกล่าว พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บพยานหลักฐาน ร่องรอยรูวิถีกระสุนที่ถูกยิงเข้าบริเวณกระจกมองข้างขวา ด้านคนขับจนกระจกแตก

โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้ข้อมูลว่า จุดที่โดนเป็นวัสดุชนิดไฟเบอร์ เมื่อโดนความร้อนแล้วสามารถหดได้ ซึ่งรูที่เกิดขึ้นจริงอาจใหญ่กว่าที่ปรากฎอยู่ แต่ที่แน่ชัดคือเป็นวัตถุที่มีความเร็ว ทะลุเข้าตัวกระจก ผ่านกระจกแตก แล้วไปโดนตัวรถ โดยจากร่องรอยยืนยันได้ว่าเป็นอาวุธปืนแน่นอน แต่ยังไม่ทราบชนิด

โดยระหว่างนั้น นายกรวิชญ์ ศรีอ่อน คนขับรถเมล์ และ นางสาวศิริวรรณ บางไพร พนักงานเก็บค่าโดยสาร ของรถเมล์คันที่เกิดเหตุและเป็นผู้ถ่ายคลิป ยืนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน

นายกรวิชญ์ คนขับรถเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองพร้อมด้วยพนักงานเก็บค่าโดยสารซึ่งเป็นแฟนกัน ขับรถออกจากอู่เพื่อให้บริการตามปกติ อยู่ ๆ ชายคนก่อเหตุก็ขับรถจักรยานยนต์มาปาดแล้วจอดหน้ารถตน ก่อนจะเดินลงมาถามว่า รถควันดำนี่ถูกกฎหมายไหม ซึ่งตนก็บอกว่าให้ไปถามกับหัวหน้างาน และได้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ยิ้ม แล้วบอกว่า ขับรถดีดีนะ แล้วเดินไปหยิบปืนออกมาจากเบาะใต้รถ ทำท่าจะเดินขึ้นมาบนรถเมล์

จังหวะนั้น ตนเห็นท่าไม่ดี จึงให้ผู้โดยสารลงจากรถ แล้วรีบขับหนี ผู้ก่อเหตุก็ขับตาม จนมาถึงบริเวณป้ายรถเมล์ ตรงข้ามห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ผู้ก่อเหตุขับประกบข้างมา ตนมองเห็นกระจกข้าง เห็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนเล็งมา จึงหักหลบ ทำให้กระสุนพลาดไปโดนกระจกมองข้าง หลังจากนั้นตนจึงขับเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนวมินทร์ ส่วนผู้ก่อเหตุขับหนีมุ่งหน้าขึ้นสะพานไปทางแยกบางเขน

ด้านนางสาวศิริวรรณ เปิดเผยว่า วินาทีนั้นตนตกใจมาก และเป็นห่วงแฟนที่เป็นคนขับ กลัวจะได้รับอันตรายจากอาวุธปืน จึงพยายามถ่ายคลิปเหตุการณ์และถ่ายภาพป้ายทะเบียนของผู้ก่อเหตุไว้ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางชัน ทันที ต่อมาช่วงดึกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และผู้ก่อเหตุจะขอไกล่เกลี่ย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม ต้องการจะให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบจากเลขทะเบียนรถและโทรไปสอบถาม ซึ่งต่อมาทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ต.กัมปนาท อายุ 28 ปี ได้นำอาวุธปืนแม็กกาซีน ขนาด .22 ที่ใช้ก่อเหตุ เดินทางเข้ามามอบตัวภายใน 3 ชั่วโมง

เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีความเครียด ทะเลาะกับแฟน พอมามีปัญหาบนท้องถนนกับผู้เสียหาย จึงได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ ในทีแรกผู้ต้องหาไม่ได้บอกว่าตนเป็นตำรวจ แต่จากการตรวจสอบอาวุธปืน พบว่า เป็นของราชการ ผู้ต้องหาจึงยอมรับว่า ตนเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรี สังกัดกองบังคับการกองบินตำรวจ

โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 3 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาพยายามฆ่า ข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหายิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมกับได้รายงานไปยังต้นสังกัดของผู้ต้องหาให้รับทราบว่ามีการกระทำความผิดทางอาญา โดยทางต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณาโทษทางวินัยต่อไป ซึ่งโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเห็นว่า ผู้ต้องหาเข้ามามอบตัว ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ขณะที่ พ.ต.อ.วสุ เชื่อพุทธ ผกก.สน.บางชัน เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีพนักงานสอบสวนโทรไปจะขอไกล่เกลี่ยด้วยการจ่ายเงินนั้น ตนได้สอบถามทั้งหมดแล้ว พบว่าไม่ได้มีการโทรไปบอกในลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะได้พูดเรื่องการชดเชยค่าเสียหาย แต่ไม่ใช่การไกล่เกลี่ยเพื่อล้มคดีแน่นอน ทั้งนี้ ยืนยันว่าพร้อมให้ความเป็นธรรม และจะไม่มีการช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจแน่นอน