เปิดใจลุงสายเปย์ โดนสาวหลอก 5 เดือนสูญ 10 ล้าน - ย้อนอดีตรัก เปย์สาวมา 15 คน

ลุงวัย 63 ปี อยากมีรักจริงกับสาว 27 ปี ที่ประกาศหาคู่ทางเฟซบุ๊ก แม้ตัวจริงไม่ตรงปกยังตกลงปลงใจผูกข้อไม้ข้อมือ สุดท้ายถูกต้มจนเปื่อยสูญ 10 ล้าน ขนาดแจ้งตำรวจจับเอง ก็ยังห่วงใย หอบพัดลม ผ้าห่มเยี่ยมถึงห้องขัง ล่าสุดยังไม่เข็ด ถูกหลอกมาแล้ว 15 คน ยังเปิดรับสมัครรักแท้

นายนรศักดิ์ อายุ 63 ปี ชาวอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ หรือลุงเจ๊กเปย์หนักรักจริง เล่าว่า รู้จักกับ น.ส.ชนกนันท์ หรือ นัดดา อายุ 27 ปี ผ่านทางเฟชบุ๊ก ชื่อ "หญิง วรน" เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยฝ่ายหญิงโพสต์เฟซบุ๊กเป็นลักษณะประกาศหาคู่ ตนเองเห็นรูปรู้สึกสนใจในรูปร่างหน้าตา จึงทักเข้าไปคุย ซึ่งฝ่ายหญิงเป็นคนคุยเก่งทำให้ยิ่งถูกใจ

ผ่านไป 1 สัปดาห์ ฝ่ายหญิงเริ่มขอยืมเงิน อ้างว่าแม่ป่วย จึงโอนให้ไป 10,000 บาท จากนั้นก็ยืมครั้งละ 10,000 บาทเรื่อยมา เพียงเดือนเดียวตนเองได้โอนเงินเข้าไปให้นัดดา กว่า 200,000 บาท กระทั่งฝ่ายหญิงมาคุยว่า จะยอมแต่งงานด้วย และได้นัดหมายจะสู่ขอกันที่จังหวัดชัยนาท เพราะมีบ้านญาติอยู่ที่นั่น แต่มีปัญหา เพราะยังถูกกักตัวโควิดที่กรุงเทพฯ จึงขอนัดหมายกันที่สถานีขนส่งหมอชิต

ด้วยความรักจริงหวังแต่ง ตนจึงนั่งรถทัวร์จากบุรีรัมย์ไปคนเดียว เมื่อไปถึงที่สถานีขนส่งหมอชิต พบนัดดามาพร้อมกับหญิงสาวอีกคน บอกว่า เป็นป้า พอเจอหน้าครั้งแรกรู้เลยว่า "ไม่ตรงปก" แต่รับได้ จึงทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกันที่หมอชิตเลย ตนได้มอบทองให้ 2 บาท แล้วน้องนัดดาก็ขึ้นรถทัวร์กลับบ้านที่ประโคนชัยมาด้วยกัน อยู่ที่บ้านประมาณ 4 วัน น้องนัดดาก็กลับบ้านที่สุโขทัย จากนั้นยังคุยกันทางเฟซบุ๊กมาอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งวันที่ 5 สิงหาคม ได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝาก พบว่าระหว่างวันที่ 19-30 มิถุนายน ถูกโอนเงินออกจากบัญชีหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 2 ล้าน 6 แสนบาท ถึงมารู้ว่า น้องนัดดาหยิบโทรศัพท์ไปโอนเข้าบัญชีของตัวเองและญาติ จึงเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ประโคนชัย

น้องนัดดายังโทรศัพท์มาบอกว่า "เราจะเป็นครอบครัวกันแล้ว ทำไมถึงแจ้งความ" แล้วยังบอกอีกว่า ที่ดินที่ตนมีอยู่ 9 ไร่ ถ้าจะขาย ก็ขายได้ถึง 16 ล้านบาท ขายแล้วเรามาสร้างครอบครัวด้วยกันนะ  ตนซึ่งรักเขาอยู่แล้ว จึงมอบอำนาจให้ "ที่รัก" ไปขายที่ดินให้ สุดท้ายมารู้ทีหลังว่าที่ดินขายได้เพียง 7 ล้าน 5 แสนบาท แล้วเอาเงินเข้าบัญชีตัวเองหมด ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด เพราะตนเสียหายไปกว่า 10 ล้านบาท

กระทั่งตำรวจกองปราบปราม ตามจับกุม น.ส.นัดดา ได้ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ในข้อหาฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ จากนั้นถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.ประโคนชัย และควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง มีลูกสาววัย 7 ขวบ ที่มากับแม่นั่งอยู่นอกห้องควบคุม โดยไร้เงาญาติ ๆ จากสุโขทัยมาเยี่ยม

แต่ลุงเจ๊กซึ่งเป็นแจ้งความจับ กลับนำผ้าห่ม พร้อมซื้อพัดลมตัวใหม่ มาให้หญิงอันเป็นที่รักถูกคุมขังอยู้ หวังให้เปิดคลายร้อน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ให้เอาเข้าไปให้

จากนั้นลุงเจ๊กเปิดใจอีกครั้งว่า เห็นน้องนัดดาถูกคุมขัง รู้สึกสงสารและเห็นใจ ที่เอาผ้าห่มกับพัดลมมาให้ ยอมรับว่าเป็นห่วง เพราะตนไม่เคยมีครอบครัว ถ้ารักใครรักจริง สำหรับน้องนัดดา ตั้งแต่รู้จักกันมาประมาณ 5 เดือน ยังไม่เคยแตะต้องตัวแม้ปลายเล็บ

ตอนเป็นหนุ่มมุ่งแต่หาเงินเก็บอย่างเดียว พอรู้ตัวว่าแก่แล้ว ก็อยากจะมีลูกเป็นของตัวเอง และต้องการแม่ของลูกอายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี หลังจากตั้งใจหาเมียก็ถูกหญิงสาวหลอกโอนเงินมาแล้วหลายครั้ง

ตั้งแต่ปลายปี 2563 มาจนถึงตอนนี้ รวมไม่น้อยกว่า 15 คน ทั้งหมดไม่เคยได้แตะต้องตัว เพราะให้เกียรติที่ยังไม่ถึงวันแต่งงาน โดยพามาที่บ้านแล้วโอนเงินให้คนละไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท

ที่จำได้คนที่ตกลงจะแต่งงานด้วยกัน มีน้อง ใจกังวล ชาวกำแพงเพชร โอนเงินให้ไปก่อน 1 แสนบาท แล้วเบี้ยวงานแต่ง คนที่ 2 ชื่อน้องภัทรวดี อายุ 23 ปี ชาวปากน้ำ สมุทรปราการ คนนี้โอนเงินช่วยแม่ป่วยมะเร็ง 1 แสน 5 หมื่นบาท แล้วหายไป คนที่ 3 เป็นชาวม้ง ชื่อน้องฉัตรจริยา คนนี้โอนไป 1 แสนบาท แต่น้องนัดดาคนนี้หนักสุดเสียไปกว่า 10 ล้านบาท

ตอนนี้ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะมีเมีย ยังรับสมัครอยู่ แต่ขอมาด้วยความจริงใจพร้อมถวายชีวิตให้ พร้อมรักไปตลอดชีวิต โดยจะไม่โอนเงินไปก่อนอีกแล้ว "ลุงยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่นะ" แต่ในบัญชีตอนนี้เหลือ 240 บาท

ด้าน น.ส.สาวิตรี อายุ 33 ปี เพื่อนบ้านลุงเจ๊ก บอกว่า ลุงเจ๊กเป็นคนเปิดเผย คบกับผู้หญิงคนไหนมักจะมาเล่าให้ฟัง และยอมรับว่าโอนเงินให้หญิงสาวหลายครั้ง แต่ไม่ทราบจำนวน มีผู้หญิงเข้ามาหาลุงเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะอยู่แค่ 1-3 วัน แล้วหอบกระเป๋าออกจากบ้านไป สาเหตุคาดว่า ลุงเคยหาเงินเก็บมาแทบทั้งชีวิต หวังจะมีความสุขในบั้นปลาย