'ลูอิส' ร้องทางการไทยเอาผิด "แก๊งถุงมือยางปลอม" ปัดหนีคดีเรียกค่าไถ่นักธุรกิจไต้หวัน

ลูอิส ซิสกิน เรียกร้องทางการไทยดำเนินคดีถูกฉ้อโกงขายถุงมือยางทางการแพทย์ปลอม จากผู้ต้องหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ยืนยันไม่ได้หลบหนี พร้อมต่อสู้คดีเรียกค่าไถ่นักธุรกิจไต้หวัน

ลูอิส ซิสกิน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่เป็นทั้งผู้เสียหายในคดีฉ้อโกง โดยเครือข่ายข้ามชาติ นำโดยชาวไต้หวัน จากการขายถุงมือยางทางการแพทย์ปลอม และเป็นผู้ต้องหาในคดีเรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่า นักธุรกิจชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงถุงมือยาง ให้สัมภาษณ์ข่าว 3 มิติ ทางออนไลน์จากสหรัฐอเมริกา

ลูอิส เปิดเผยว่า คดีของเขากลายเป็นคดีดังระดับโลก หลังสำนักข่าว CNN นำเสนอข่าว แม้เขาจะตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง ที่ถูกตั้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร เรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่า แต่คดีที่เขาถูกฉ้อโกงจากเครือข่ายข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการขายถุงมือปลอม ถือเป็นการก่อการร้ายทางการแพทย์ ที่ร้ายแรงระดับโลก จึงคาดหวังให้ทางการไทย ดำเนินคดีผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้ได้

พร้อมเปิดเผยว่าในคดีของเขา ต้องแยกเป็น 2 คดี คือคดีฐานฉ้อโก้ง ที่เขายื่นฟ้องต่อ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ.ให้ดำเนินคดีกับ 2 บริษัทคอลเล็กชั่นเอนเตอร์ไพร์ส และ บริษัท แพดดี้เดอะรูม และ 5 ผู้ต้องหา รวมถึงนายวินเซ็นต์ เหวิน ที่มาเป็นผู้เสียหาย ฟ้องรอง ลูอิส ในข้อหา อั้งยี่ซ่องโจร เรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่า

ซึ่ง ลูอิส ระบุว่า มีหลักฐานยืนยันได้ว่า ไม่ได้กระทำผิด ที่พร้อมต่อสู้คดี และไม่เคยหลบหนีอย่างที่ตำรวจไทยกล่าวหา ซึ่งเชื่อว่าเขาถูกแบล็กเมล์ จากเครือข่ายข้ามชาติที่เขาฟ้องร้องคดีขายถุงมือยางปลอม เนื่องจากมีหลักฐานถึงความไม่โปร่งใสในกระบวนการสอบสวน การดำเนินคดีกับเขา ที่ต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาลไทย ตรวจสอบเรื่องนี้ ที่หากไม่ได้รับความยุติธรรม ก็เตรียมดำเนินคดีที่ทำให้ได้รับความเสียหายด้วย

ลูอิส ยอมรับว่าเขาอาจจะเคยมีประวัติในคดียาเสพติด แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีเรียกค่าไถ่ และที่ผ่านมาได้ทำธุรกิจอย่างโปร่งใส ซึ่งเขาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย และอยากให้มีการแยกแยะระหว่างคดีเรียกค่าไถ่ที่คดีระหว่างบุคคล กับคดีขายถุงมือยางปลอม ที่สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยในระดับโลก จึงคาดหวังที่จะเห็นตำรวจไทย จับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีนี้มาดำเนินคดีให้ได้