จับตาพรุ่งนี้ ดีเดย์เปิดประเทศ-เปิดเรียน "อนุทิน" มั่นใจมาตรการควบคุมโรค

วันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) จะเป็นวันดีเดย์ครั้งสำคัญของไทย 2 วาระ เรื่องแรกคือการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยไม่ต้องกักตัว หลังปิดประเทศมานานเกือบ 2 ปี ขณะเดียวกันก็จะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของนักเรียนแบบออนไซต์ หรือ การไปเรียนที่โรงเรียนได้เต็มรูปแบบ

ซึ่งทั้ง 2 วาระนี้มีขั้นตอนและมาตรการที่ ศบค.กำหนดไว้ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันความมั่นใจถึงความพร้อมในครั้งนี้ และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องกลับมาปิดประเทศอีกครั้ง

ซึ่ง 1 ปี 7 เดือน กับอีก 15 วัน หลังการประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินฉบับแรกเนื่องในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของคนไทยทั่วประเทศเปลี่ยนไปในทันที แต่วันพรุ่งนี้  คือวันแรกที่การดำเนินชีวิตจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติบนพื้นฐานของมาตรการควบคุมโรค

นักท่องเที่ยวจากต่างชาติกลุ่มแรกจะเดินทางถึงราชอาณาจักรไทยในเวลาเที่ยงคืน 5 นาที ที่จะถึงนี้ เป็นไฟล์ทจากสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น และทยอยตามมาจากหลากหลายประเทศอย่างน้อย 110 เที่ยวบิน ราว 3 หมื่นคน

ทุกคนจะต้องลงทะเบียนระบบ THAILAND PASS ให้เสร็จสิ้นก่อนเดินทาง ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 , ประกันโควิด-19 , หลักฐานยืนยันการจองโรงแรม ASQ เพื่อกักตัวช่วง 24 ชั่วโมงแรก และผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RTPCR ล่วงหน้า อย่างน้อย 72 ชั่วโมง จึงจะเข้าประเทศได้ จากนั้นต้องตรวจ ATK ด้วยตัวเองในช่วง 6-7 วันจากนั้น

ขณะที่ ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ โดยประกาศปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 23 จังหวัด เหลือ 7 จังหวัด ซึ่งจะยังคงมาตการเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 5 ทุ่ม ถึง ตี 3 ได้แก่ จันทบุรี, ตาก, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา นอกนั้นยกเลิกเคอร์ฟิวทั้งหมด

นอกจากนี้ได้กำหนดพื้นที่ใหม่ เป็นสีฟ้า หรือ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว รวม 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, กระบี่, พังงา และ ภูเก็ต ซึ่งมาตรการของกิจการและกิจกรรมต่างๆ แทบจะกลับมาเป็นปกติ รวมไปถึงการสามารถกลับมาจำหน่ายแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารได้ แต่ต้องเป็นร้านที่ผ่านเงื่อนไขทางจังหวัดแล้วเท่านั้น

ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มรายชื่ออีก 17 ประเทศ ให้เดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมเป็น 63 ประเทศ

ขณะที่พรุ่งนี้มีอีก 1 วาระที่สำคัญคือ การเปิดเรียนแบบออนไซต์ครั้งแรก ในรอบหลายเดือนที่ขณะนี้มีโรงเรียนกว่า 10,000 แห่งพร้อมแล้วสำหรับการเปิดเรียนครั้งนี้ ภายใต้มาตรการ sand box safety school zone และประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ พร้อมการฉีดวัคซีนครอบคลุม 85% ของบุคลากร ขณะที่บางแห่งก็ยังเลือกการเรียนการสอนแบบออนไลน์จากทางบ้าน โดยมีนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปแจ้งความประสงค์ขอฉีดวัคซีนราว 3.8 ล้านคน ฉีดแล้ว 2.5 ล้านคน หรือ ราว 66%

นายอนุทินชาญ วีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันมั่นใจถึงมาตรการควบคุมโรคที่นำมาปรับใช้นับตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป 

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินฉากทัศน์คาดการณ์การเปิดประเทศ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้ ใน 3 แนวทาง ซึ่งจะเห็นผลตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรก

ทางแรก คือหากมีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 5,000 คนต่อวัน และลดลงเหลือที่ราว 25% นั่นจะทำให้ทุกอย่างสามารถดำเนินต่อไปได้

ทางที่ 2 ในเส้นสีส้ม คือ การระบาดลดลงประมาณ 15% หากการ์ดตกเล็กน้อย มาตรการไม่เข้มงวดเพียงพอ ก็อาจพบผู้ติดเชื้อที่ไม่เกิน 10,000 คนต่อวัน

ทางสุดท้าย คือเส้นสีเทา หากการ์ดตกมาก ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็อาจสูงถึง 40,000 คนขึ้นไป

ซึ่ง นายอนุทิน ระบุว่า ทางกระทรวงมีมาตรการรองรับ และมั่นใจในระบบสาธารณสุขของไทย หลังแผนการฉีดวัคซีนดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง