สาวโพสต์ ขี่รถ จยย.คว่ำเจ็บหนัก ตำรวจให้หอบสังขารไปโรงพัก

จากกรณีโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล และยังคงอยู่ระหว่างการรักษาตัว แต่ต้องหอบสังขารตัวเองไปที่สถานีตำรวจ ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดตำรวจถึงไม่บริการประชาชน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้บาดเจ็บรายนี้ ทราบว่า เธอมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูกรถชนเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากอีกแค่ 10 วัน คดีจะหมดอายุความ จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1" ซึ่งเป็นภาพของผู้ป่วย สภาพนอนอยู่บนเตียงและร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัว พร้อมข้อความระบุว่า เหตุใดต้องมาติดตามคดีด้วยสภาพแบบนี้ ระเบียบตำรวจเป็นอย่างไร ?

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักของหญิงสาวรายนี้ เพื่อสอบถามเรื่องราว โดยเธอเล่าว่า ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ โดยทางตำรวจได้ติดต่อให้มาสอบปากคำเพิ่มเติม ในคดีที่เธอขับรถจักรยานยนต์แต่เกิดอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกเฉี่ยวชน เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2563 เพราะทราบว่าคดีกำลังจะหมดอายุความในอีกประมาณ 10 วัน

เมื่อไปถึง สภ.บางใหญ่ ตำรวจพยายามให้เธอลุกไปนั่งเก้าอี้เพื่อปั๊มลายนิ้วมือ แต่เธอบอกว่าลุกไม่ได้ ซึ่งทางด้านทนายความของเธอที่เดินทางตามมาทีหลัง จึงได้บอกให้ตำรวจถ่ายภาพประกอบสำนวนคดีการสอบสวนแทน

หญิงสาวรายนี้ ย้ำว่า ส่วนตัวอยากให้ตำรวจส่งเรื่องฟ้องไปเลย และอยากได้ความชัดเจนในคดีนี้ เพราะที่ผ่านมาคดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่เธอเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งล่าสุดเธอยังถูกตำรวจแจ้งข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียว แต่ก็ไม่ทราบว่าทางคู่กรณีถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอะไรบ้าง

สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว หญิงสาวรายนี้ เล่าว่า ระหว่างที่เธอกำลังขับรถจักรยานยนต์อยู่บนถนนในเลนขวา ปรากฎว่ามีรถบรรทุกขับเบี่ยงมาเฉี่ยวชน ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำและร่างของเธอหล่นไปอยู่ใต้รถบรรทุก จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวถลอกทั้งตัว กระดูกขาหัก ต้องนอนรักษาตัวที่ห้องไอซียู เป็นเวลานานถึง 1 เดือน จากนั้นได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อเนื่องอีก 3 เดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลประมาณ 4 ล้าน 5 แสนบาท โดยที่ฝั่งคู่กรณีไม่ได้มาช่วยรับผิดชอบใดๆ ระหว่างรักษาตัวจนอาการดีขึ้น ตนเองโทรถามตำรวจว่าจะต้องไปให้ปากคำอย่างไร แต่ตำรวจแจ้งว่ารอให้หายก่อนค่อยมา แต่เธอกังวลใจจึงให้กู้ภัยพาไปพบตำรวจเพื่อตามคดีเองครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2564 จากนั้นทราบว่าคดีจะหมดอายุในเร็วๆนี้ จึงเกิดความร้อนใจทำให้ต้องไปติดตามความคืบหน้าคดีอีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิม จึงโพสต์เรื่องราวในโลกออนไลน์

ด้าน พ.ต.อ. พีระเดช เจริญเดช ผกก. สภ.บางใหญ่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า จากการสอบถามพนักงานสอบสวน ระบุว่า พยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ขับขี่รถ จยย. ขับขี่ด้วยความประมาทจึงเป็นเหตุทำให้ชนกับไหล่ทาง และรถของตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ล้อรถบรรทุก โดยในวันที่ 20 ก.ย.นี้ จะดำเนินการส่งสำนวนให้กับอัยการ

ส่วนประเด็นที่ชาวโซเชียลตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ป่วยบาดเจ็บสาหัสติดเตียงขนาดนี้ แต่ยังต้องหอบสังขารไปพบตำรวจด้วยตัวเอง พ.ต.อ.พีระเดช กล่าวว่า ประเด็นนี้จะเรียกพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดีมาสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากคู่ความในคดีได้รับบาดเจ็บทางพนักงานสอบสวนสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลหรือที่บ้านพักได้

ด้านนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายจิตอาสา กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้ เบื้องต้นทราบว่าน้องเขานอนเจ็บมานานเป็นปี แถมยังต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาขับรถประมาทหวาดเสียว ซึ่งข้อหานี้ก็แค่ปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากให้ทางตำรวจตรวจสอบให้แน่ชัดว่าสาเหตุการเกอดอุบัติเหตุมาจากอะไร ตอนนี้ทราบว่าตำรวจจะส่งตัวฟ้องอัยการ ก็ไม่รู้ว่าจะส่งตัวยังงัยในสภาพแบบนี้

ส่วนสามีคนเจ็บ เผยว่า ตนเองถ่ายคลิปในวันนั้นเพราะต้องจ้างรถกู้ภัยนำภรรยาในสภาพที่เห็นไปให้ปากคำตำรวจ ส่วนตัวเองก็ไม่เข้าใจทำไมตำรวจไม่มาสอบปากคำที่ รพ.หรือที่บ้าน ภรรยาตนเจ็บปางตายขนาดนี้กับตกเป็นผู้ต้องหา และเกรงว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม