น้ำท่วมหล่มสักเริ่มลด ผงะ! ต้นโพธิ์เก่าแก่ 100 ปี ล้มทับบ้านพัง เจ้าของบ้านรอดตายระทึก

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก ที่เอ่อล้นไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร รวมทั้งย่านเศรษฐกิจ ในหลายพื้นที่ของอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยระดับน้ำทั้งในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก น้ำแห้งแล้งส่วนที่อื่น ๆ ระดับน้ำก็เริ่มลดลงบ้างแล้ว

ขณะที่มวลน้ำที่ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ ตำบลปากดุก อำเภอหล่มสัก ทั้งหมด 7 หมู่บ้าน ประชากรราว 3,000 กว่าคนส่งผลให้ชาวบ้าน 4 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบกว่า 362 หลังคาเรือน ประกอบด้วย หมู่ 6 จำนวน 135 หลัง ,หมู่ 4 จำนวน157 หลัง ,หมู่ 3 จำนวน 40 หลัง และหมู่ 2 จำนวน 30 หลัง โดยที่ตำบลปากดุก บางจุดน้ำท่วมลึก 1-2 เมตร ไม่สามารถใช้รถยนต์เข้าไปได้ ต้องใช้เรือท้องแบน

ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมระดับน้ำที่หลากท่วมบ้านเรือนราษฎร 4 หมู่บ้าน ตำบลปากดุกและพื้นที่ทางการเกษตร เริ่มลดแล้ว และมีมวลน้ำจากแม่น้ำป่าสัก หนุนลงมาต่อเนื่อง เส้นทางสัญจรเข้าตัวหมู่บ้าน ยังคงถูกน้ำท่วมสูง ราว 50-60 เซนติเมตร รถเล็ก รถเก๋ง ไม่สามารถขับฝ่าเข้าไปได้ มีเพียงรถกระบะยกสูง ที่พอเข้าถึงเป็นบางจุด ประชาชน ยังคงได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง

ขณะที่หน่วยทหาร ม.พัน 28 ได้นำกำลัง บูรณาการร่วมกับผู้นำชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย นำรถยกสูงและเรือท้องแบน ลำเลียงข้าวกล่อง น้ำดื่ม ออกแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

หลังจากมวลน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.ปากดุก ส่งผลให้ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ อายุ 100 กว่าปี ซึ่งขึ้นอยู่ริมคลอง ภายในวัดศรีจันทราราม (วัดปากดุก) ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยว กัดเซาะล้มทับบ้านเรือนของประชาชน 1 หลัง ซึ่งอยู่บริเวณปากทางเข้าวัด ได้รับความเสียหาย ข้าวของภายในบ้านนอกจากถูกน้ำท่วมแล้ว ก็ยังโดนต้นโพธิ์ล้มใส่อีกด้วย โดยพระสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน มาช่วยกันตัดกิ่งต้นโพธิ์ที่พาดหลังคาบ้านออก

โดยก่อนเกิดเหตุ ทางวัดเห็นว่าต้นโพธิ์เริ่มเอียง จึงเตรียมหาแนวทางป้องกัน ด้วยการให้พระลูกวัด นำเลื่อยยนต์มาจัดเตรียม เพื่อขึ้นไปตัดแต่งกิ่ง เพื่อลดน้ำหนักในฝั่งที่เอียง แต่ระหว่างกำลังจัดเตรียมเครื่องมือ แต่งเครื่องเลื่อยยนต์อยู่นั้น

ก็เห็นคาตาว่าต้นโพธิ์ได้ค่อยๆ เอียง จนล้มพาดคลองใส่หลังคาบ้านประชาชนอย่างจัง เสียงดังสนั่น ขณะเดียวกันภายในบ้านหลังดังกล่าว มีผู้อาศัยอยู่ตอนเกิดเหตุ 3 คน ต่างพากันแตกตื่น ตกใจ วิ่งหนีตายคนละทิศละทางโชคดี ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

นายชัยภัทร ชูพรม อายุ 48 ปี เจ้าของบ้าน เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ มีตน ภรรยา และแม่วัย 70 กว่าปี อาศัยอยู่ในบ้านขณะนั้นตนกำลังล้างของภายในบ้าน ส่วนแม่วัย 70 กว่าปี นอนอยู่บนเตียง หลังจากที่ตนหลังของในบ้านเสร็จก็มานอนอยู่บนเตียง

จู่ๆ ได้ยินเสียงดังโครม จนบ้านสะเทือน โครงสร้างหลังคาบ้านพังทลาย สร้างความแตกตื่น ตนวิ่งหนีออกจากบ้านไม่ทัน จากนั้นพระในวัดเดินลุยน้ำออกมาดู ตนเองพยุงแม่ไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้าน

ตอนนี้สภาพบ้านพังเสียหายหมด โดนน้ำท่วมแล้วยังด่วนต้นโพธิ์โค่นทับอีกมันใจฝ่อมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ประคองใจตัวเองบอกให้สู้ต่อไป ตอนนี้อาศัยบ้านของเพื่อนบ้านอยู่ชั่วคราว เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน โดยต้นโพธิ์ดังกล่าวเป็นต้นโพธิ์เก่าแก่ มีอายุ 100 กว่าปี ขึ้นอยู่ริมฝั่งคลองวัด ห่างจากตัวบ้านราว เกือบ 20 เมตร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังประเมินความเสียหายไม่ได้

สิ่งของที่พอจะเก็บได้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เสื้อผ้า และเครื่องมือก่อสร้าง รถยนต์ ไปจอดไว้ที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่ถูกน้ำท่วม ยอมรับว่าเดือดร้อนมาก มีเพียงหน่วยงานต่าง ๆ ที่นำเข้าน้ำมาส่งให้กิน ช่วยประทังชีวิตไปก่อน

สำหรับมวลน้ำก้อนนี้ เมื่อลดลงจากพื้นที่ ตำบลปากดุก แล้วนั้น ก็จะไหลหลากลงสู่พื้นที่ตอนล่างของอำเภอหล่มสัก คือตำบลลานบ่า ซึ่งเป็นสถานีรับน้ำต่อไป ที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ไปสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก พบว่าน้ำแห้งหมดแล้ว มีบางชุมชน เช่น ตำบลตาลเดี่ยว ยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ไ ส่วนที่ถนนหล่มสัก-บ้านติ้ว แยกร่องไผ่ ระดับน้ำลดลงเช่นกัน แต่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นผิวการจราจร รถจักรยานยนต์และรถยนต์สามารถขับขี่สัญจรได้ แต่ต้องค่อยๆ ขับ เนื่องจากน้ำเป็นคลื่นซัดเข้าไปในบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่สองข้างทาง

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/-c9G3M6Knjs