สังคม

เปิดใจ "บังซา" เคลียร์ดราม่าถูกให้ออกจาก รพ.สนามบุษราคัม

โดย panisa_p

29 ก.ค. 2564

3.3K views

จากกรณีที่ชาวเน็ตติดแฮชแท็ก saveบังซา จิตอาสาที่โรงพยาบาลบุษราคัม หลังออกมาไลฟ์สด สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในโรงพยาบาล จากนั้นก็ถูกเชิญออกจากโรงพยาบาล เจ้าตัวยัน อยากตีแผ่ความจริงให้คนที่เกี่ยวข้องได้เห็น ว่าแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ต้องเหนื่อยขนาดไหน เชื่อโดนให้ออกเพราะไลฟ์สด


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายทรงวุฒิ หวังผล หรือ บังซา อาสาร่วมกตัญญู อายุ 52 ปี ซึ่งเข้ารับการรักษา โควิด-19 ที่โรงพยาบาลบุษราคัม พร้อมกับภรรยา และลูกสาววัย 9 ขวบ โดยบังซา รับหน้าที่เป็นจิตอาสาช่วยงาน โรงพยาบาล และได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก เหนือ หนึ่ง ห้า สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและระบบการจัดการภายในโรงพยาบาล ก่อนที่เมื่อวานนี้ ทางโรงพยาบาลจะเชิญให้บังซา และครอบครัวเก็บของออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านต่อ


บังซา เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัมตั้งแต่ 17 กรกฎาคม กระทั่งเมื่อวานนี้ จู่ๆก็มีโทรศัพท์มาบอกให้ออกจากโรงพยาบาลเลย โดยอ้างว่าโรงพยาบาลบอกให้เก็บข้าวของออกทันที โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรือพบตนไปตรวจสว็อปซ้ำ หรือ ตรวจเอุกซ์เรย์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับ ทั้งนี้ตนยังมีอาการเหนื่อย ประกอบกับเป็นภูมิแพ้ หืดหอบเป็นโรค ทำให้รู้สึกวิตกจริต


ทั้งนี้เชื่อว่าสาเหตุที่โดนให้ออกเป็นเพราะตนไลฟ์สด สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ตนทำไม่ได้สร้างกระแส เพียงอยากให้โรงพยาบาล ปรับปรุง และแก้ไข เพราะเมื่อตรไปรักษาตัว ทำให้เห็นปัญหามากมาย และนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพจิตของผู้ป่วย ยืนยันว่า การสะท้อนปัญหาเหล่านี้ ไม่เกี่ยวกับแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ เพราะทุกคนทำงานหนัก และเต็มที่ เพียงแต่ต้องการสะท้อนให้ผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนภายนอกได้เห็น เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไข เพราะปัญหาต่างๆ ที่พบ ทำให้ตนเหลืออดจนไลฟ์สด


ด้านนางสาว กัลยา มะลิแย้ม อายุ 32 ปี ภรรยา บอกว่า ตนเองก็เป็นจิตอาสา ซึ่งแพทย์ให้ตนออกจากโรงพยาบาลสนามได้ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม แต่ขออยู่ต่อเป็นจิตอาสาช่วยผู้สูงอายุเคสหนึ่ง จึงขออยู่ต่อ 2 สิงหาคม และแพทย์ก็อนุญาต แต่ปรากฎเมื่อวานกลับบอกให้ตรและลูกออกจากโรงพยาบาลทันที


ซึ่งทั้งสองยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่ทันตั้งตัว โดยได้ใบรับรองแพทย์มาว่ารักษาหายแล้ว แต่ส่วนขอบังซาก็ยังไม่ได้ตรวจซ้ำ ทำให้กังวลใจ และไม่กล้าออกไปค้าขายตามปกติ ต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่า 3 คนพ่อแม่ลูก เพราะตอนนี้คงไม่มีใครกล้ารับตนไปรักษาต่อแล้ว


ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากให้มีผู้ที่มีความรู้เข้ามาตรวจ แบบ rapid test ให้ตนและครอบครัว เพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนในสังคม และเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนถ้าหากทางโรงพยาบาลมองว่า พฤติกรรมการไลฟ์สดเข้าข่ายแม่เหมาะสม ก็ควรแจ้ง หรือขอร้อง ไม่ไลฟ์ได้ไหม ตนเอจะตอบว่า ได้ แต่ต้องร่วมมือแก้ไขได้ไหม เพราะเปิดโรงพยาบาลมานาน แต่ยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องแก้ไข และเพราะตนเห็นปัญหา ผมเลยต้องไลฟ์ เพื่อให้คนเห็นปัญหา


ทั้งนี้ระหว่างการสัมภาษณ์ มีโทรศัพท์จากโรงพยาบาล โทรมาสอบถามบังซา ว่าได้รับใบรับรองแพทย์หรือยัง

คุณอาจสนใจ

Related News