‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ การเมืองเป็นส่วนสำคัญในการจัดสรรวัคซีนโควิด แนะ ใช้วัคซีน mRNA หนุนงานวิจัยผลิตวัคซีนในประเทศ

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยบทความข้อเสนอแนะในการจัดหาและการกระจายฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทย ท่ามกลางปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอ เกิดการสื่อสารระหว่างหน่วยงานอีกทั้งยังมีปัญหาการกระจายวัคซีนที่บิดเบือน ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ซึ่งส่วนสำคัญน่าจะเป็นผลจากการตัดสินใจทางการเมืองที่คำนึงถึงเป้าหมายอื่นมากกว่ายุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้

1. การจัดหาวัคซีนจากต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เทคโนโลยี mRNA หรือ protein subunit, จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ, หากวัคซีนไม่สามารถหาได้ตามเป้าหมายอาจจัดหาวัคซีนกลุ่มอื่นมาทดแทน, ควรจัดตั้งคณะทะงานของประเทศเพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19, ควรจัดหาวัคซีนภายใต้ ม.18(4) ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561, ในระยะแรกรัฐบาลควรให้เอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกได้โดยต้องคำนึงถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ, รัฐบาลควรพิจารณาเข้าสู่โครงการ COVAX เพื่อประกันความเสี่ยงในอนาคต, รัฐบาลร่วมมือกับบริษัทแอสตร้าเซนเนกาในการพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายปริมาณการผลิตวัคซีนในประเทศไทยให้ได้มากขึ้นโดยเร็ว

2. สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนภายในประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้บริษัทผลิตวัคซีนระดับโลกมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น

3. การกระจายวัคซีน รัฐบาลควรพยายามกลับมาใช้แอปฯ "หมอพร้อม" แทนการจองผ่านหลายช่องทาง และเชื่อมโยงข้อมูลโรคประจำตัวของกลุ่มเสี่ยงจากโรงพยาบาลต่างๆ ป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกแซงทางการเมือง หรือการปล่อยให้สถานพยาบาลใช้ดุลยพินิจในการปรับเปลี่ยนการฉีดวัคซีนเอง ระบบหมอพร้อมควรเพิ่มการแจ้งเตือนประชาชนให้มาฉีดเมื่อใกล้เวลา

4. ประเด็นอื่นๆ ปัญหาการแย่งวัคซีนน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นในอนาคต เมื่อมีวัคซีนชนิดต่างๆ เข้ามาในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงวัคซีนที่ต้องการได้ อีกปัญหาใหญ่ที่ควรต้องเตรียมรับมือต่อไปก็คือการที่ประชาชนบางส่วนอาจยังปฏิเสธการฉีดวัคซีน ซึ่งต้องหาแนวทางในการสื่อสารและรณรงค์กันต่อไป

อ้างอิง : https://bit.ly/3eCYxN6