สังคม

วธ. เตรียมจัดนิทรรศการแสดง 'ทับหลังปราสาทหนองหงส์-เขาโล้น' เล่าเรื่องราวการติดตามนำคืนสู่มาตุภูมิ

โดย panwilai_c

25 มิ.ย. 2564

44 views

กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดพิธีรับมอบทับหลังจากปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และ ทับหลังจากปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระเเก้ว โดยจะจัดนิทรรศการพิเศษขึ้น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและเส้นทางการติดตามโบราณวัตถุทั้ง 2 กลับคืนสู่มาตุภูมิ หลังสูญหายไปนานกว่า 50 ปี ซึ่งจะเป็นแนวทางสู่การติดตามวัตถุโบราณอีกกว่า 30 รายการกลับคืน


ทับหลังปราสาทหนองหงส์จังหวัดบุรีรัมย์ และ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ถูกนำมาติดตั้งเพื่อจัดแสดงในนิทรรศการพิเศษทับหลังปราสาทหนองหงส์และปราสาทเขาโล้น กลับคืนสู่ประเทศไทย


รายละเอียดและลวดลายความวิจิตรงดงามของการแกะสลักบนหินทรายของโบราณวัตถุทั้ง 2 ชิ้นยังปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 1,000 ปี นับตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 -17 หรือ ราวปี พ.ศ. 1500-1600 มักพบติดตั้งเหนือกรอบประตูของอาคารหรือปราสาทหินในศาสนสถานวัฒนธรรมเขมรโบราณ ลวดลายมักเป็นภาพบอกเล่าเรื่องราวของเทพ มีรูปแบบการวิวัฒนาการตามยุคสมัยอย่างชัดเจน สามารถใช้กำหนดอายุของศิลปะในยุคนั้นได้


โดยทับหลังปราสาทหงส์ ปรากฏลวดลายเป็นรูปพระยมทรงกระบือ ประทับเหนือหน้ากาล ขณะที่ทับหลังปราสาทเขาโล้น ปรากฎเป็นรูปเทวดาประทับนั่งชันเข่าเหนือหน้ากาล รายล้อมด้วยพรรณพฤษา


นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรงงวัฒนธรรม ระบุว่า ระหว่างรอหน่วยงานท้องถิ่นที่ดูแลโบราณสถานทั้ง 2 แห่งจัดเตรียมแนวทางการจัดเก็บรักษา ทางกรมศิลปากรจะเป็นผู้จัดเก็บ เพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ไปอย่างน้อย 3 เดือน


การติดตามทับหลังทั้ง 2 ชิ้นนี้ เป็นการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืน นับตั้งแต่ปี 2560 หลังพบการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้มีการบอกเล่ากระบวนการทวงคืนผ่านนิทรรศการ ทั้งข้อมูลพยานหลักฐาน ภาพถ่าย และความร่วมมือของท้องถิ่นกับภาครัฐ รวมทั้งสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ homeland security investigations หรือ HSI สหรัฐอเมริกา ที่เข้าร่วมสืบสวน


นายเอริค แม็คล็อคคลิน ผู้ช่วยทูตประจำภูมิภาค HSI ระบุว่า แนวทางการดำเนินงานนี้จะถูกนำมาใช้ติดตามการทวงคืนโบราณวัตถุต่อไป โดยตั้งแต่ปี 2017 ทาง HSI สามารถติดตามการส่งคืนโบราณวัตถุให้กับทั่วโลกได้แล้วกว่า 15,000 รายการ


การเปิดให้เข้าชมครั้งนี้ นับเป็นการเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หลังวัตถุโบราณทั้ง 2 รายการสูญหายไปนานกว่า 50 ปี ตั้งแต่ช่วงปี 2509-2511 และได้กลับคืนสู่แผ่นดินมาตุภูมิ สร้างคุณค่าด้านวัฒนธรรมและความภูมิใจของคนท้องถิ่น รวมทั้งความหวังในการติดตามโบราณวัตถุอีกหลายร้อยชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกในปัจุจบันกลับคืน

คุณอาจสนใจ