สังคม

ส.ภัตตาคาร ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายกฯ วอนช่วยเหลือร้านอาหารเร่งด่วน

โดย weerawit_c

15 พ.ค. 2564

309 views

หลังจากที่ประชุม ศบค.ได้หารือมาตรการการผ่อนคลายการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 และระดับของพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับร้านอาหาร สธ. ได้เสนอหลักการ เพื่อลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน โดยมีหลักเกณฑ์ 5 ข้อ


1. ลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวนและความต่อเนื่อง คือ

1.1 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวันอย่างน้อย 1 วันใน 1 สัปดาห์ หรือเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์มากกว่า 50 รายต่อวัน

1.2 พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20-50 รายต่อวัน

1.3 พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 รายต่อวัน

1.4 พื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 10 รายต่อวัน

1.5 พื้นที่เฝ้าระวัง ไม่มีผู้ป่วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์


2. จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบกับการระบาดต่อเนื่องและเสี่ยงต่อการแพทยระบาดเชื้อ

3. จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย

4. จังหวัดที่ติดกับชายแดนหรือเคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ

5. สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ (ปรับลดระดับกรณีได้รับวัคซีนมาก)


โดย หากมีการปรับลดสี มาตรการที่ผ่อนคลาย ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิม คือ ในร้านอาหาร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถบริโภคในร้านโดยนั่งได้ไม่เกิน 25% ไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านไม่เกิน 23.00 น. (งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน) พื้นที่ควบคุมสูงสุด บริโภคในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. (งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน) และพื้นที่ควบคุม บริโภคในร้านได้ตามปกติ (งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน)


นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาล ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก “ฐนิวรรณ กุลมงคล” มีรายละเอียดดังนี้


จดหมายจากคนหมดแรง จากใจนายกสมาคมภัตตาคารไทย จดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐบาล ศบค. วอนช่วยเหลือร้านอาหารเร่งด่วน เรียน ท่านนายกรัฐมนตรี


จากข้อเรียกร้องที่ทางสมาคมภัตตาคารไทยในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหารได้เรียนนำเสนอถึงสาเหตุความจำเป็น และความเดือดร้อนของผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับผลกระทบจากมาตรการข้อบังคับของ ศบค. โดยเฉพาะการนั่งรับประทานในร้านสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปแล้วนั้นว่า ขณะนี้ มีผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการต้องปิดกิจการ และหลายรายต้องปิดกิจการไปแล้วตามที่ปรากฏให้ได้ทราบในสื่อต่างๆ เพราะยอดขายที่หายไปเนื่องจากรายได้หลักของร้านอาหาร 80% มาจากรายได้เปิดนั่งรับประทานในร้าน ซึ่งตลอดช่วงเวลาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุม แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารก็ปรับตัว หาวิธีประคับประคองตัวเองมาตลอด พร้อมทั้งยังคงมีการจ้างงานไม่ปล่อยให้พนักงานตกงาน และธุรกิจร้านอาหารยังเป็นซัพพลายเชนเชื่อมโยงกับภาคการผลิต บริการต่างๆ


ธุรกิจร้านอาหาร คิดเป็น 18 %ของGDP ประเทศในปี พ.ศ.2564 นี้มีหลายหน่วยงานคาดว่าจะเหลือแค่ 4 แสนล้านบาทแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ภาคธุรกิจร้านอาหารให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดด้วยดีมาตลอด เราแทบไม่ได้ออกมาเรียกร้องการเยียวใด ๆ เลย ถึงแม้ว่ามาตรการต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านั้นกลุ่มธุรกิจร้านอาหารจะเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือได้น้อยมากในทางปฏิบัติเพราะติดเงื่อนไขข้อบังคับต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็มองผ่านและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินช่วยเหลือตัวเองต่อไป เพราะสิ่งที่คนทำร้านอาหารให้ความสำคัญมากที่สุด คือการได้เปิดขายตามปกติ เพื่อให้เกิดรายได้กระแสเงินสดหมุนเวียนกลับมา


แต่สำหรับวิกฤตในรอบ 3 นี้ จะเห็นว่าได้ว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารมีข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐมาเป็นระยะๆ เนื่องจากการบอบช้ำสะสมจากวิกฤตในการระบาดรอบที่ผ่านมายังไม่ได้รับการฟื้นฟูเมื่อต้องหยุดให้บริการนั่งรับประทานในร้าน หรือ มีระยะเวลานั่งรับประทานในร้านได้จำกัดทำให้รายได้หายไปเมื่อรวมกับวิกฤตที่เจอมาในช่วงแรกจึงสะสมจนแบกไว้ไม่ไหว หลายร้านต้องปิดตัว เจ๊งถาวร และอีกหลายร้านต้องปิดชั่วคราว รวมถึงอีกหลายร้านกำลังจะเจ๊ง


จึงขอเรียนมายังท่านนายกฯในอีกครั้งว่า ข้อสั่งการมาตรการเยียวยาวต่างๆ ที่ท่านมีมายังผู้ประกอบการร้านอาหาร แม้บางข้อจะได้รับการดำเนินการจากผู้เกี่ยวข้องแล้ว เช่น เรื่องการจ่ายเงินชดเชยลูกจ้างในระบบประกันสังคม 50% เป็นต้น แต่ก็ยังมีหลายข้อเรียกร้องที่ยังไม่รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมทันเวลา อาทิ เรื่องวัคซีนสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารใน 8 จังหวัดพื้นที่ระบาดรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่ขณะนี้มีจำนวนผู้ประกอบการ และบุคคลากรในร้านอาหารพื้นที่กทม.ลงทะเบียนสมัครใจขอรับการฉีดวัคซีนในวันที่ 15-21 พฤษภาคม (รวมเกินกว่า 1 แสนคน)


เพราะด้วยคาดหวังว่า วัคซีนจะเป็นทางออกของการยับยั้งการแพร่ระบาดและช่วยให้ระบบเศรษฐกิจประเทศกลับมาขับเคลื่อนได้เป็นปกติอีกครั้ง ยิ่งในภาวะประชนชนยังไม่มั่นใจต่อการฉีดวัคซีนแต่คนภาคธุรกิจร้านอาหารกลับสมัครใจด้วยความยินดีในการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม แต่กลับปรากฏว่าการจัดสรรวัคซีนของทางกทม.ไม่มีส่วนสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารที่แสดงความสมัครใจลงทะเบียนขอฉีดวัคซีนกับทางสมาคมภัตตาคารไทยไว้แต่อย่างใด ซึ่งหากบุคคลากรภาคธุรกิจร้านอาหารสามารถได้รับการฉีดวัคซีนได้โดยเร็วจะเป็นผลดีต่อภาคเศรษฐกิจประเทศโดยตรง และยังมีส่วนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากร้านอาหารมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคทั่วไป


สำหรับข้อเสนอในส่วนของกรมอนามัยที่มีต่อร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อนำไปสู่การผ่อนปรนให้กลับมาเปิดนั่งรับประทานในร้านได้ ซึ่งมีจำนวน 9 ข้อ ดังนี้นั้น

1.ต้องให้ร้านอาหารทุกร้านทำแบบประเมิน Thai Stop Covid

2.ปรับลดที่นั่งในร้านเหลือ 25%-50%( สำหรับ open air ร้านเล็ก)

3.เว้นระยะห่าง 2 เมตร

4.นั่งในร้านได้ไม่เกิน 2 ชม.

5.ห้ามกินอาหารร่วมกัน ห้ามกินอาหารในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ต้องแยกอุปกรณ์ของใครของมัน

6.ระบบระบายอากาศในร้านต้องดี

7.คัดกรองพนักงาน ซักประวัติพนักงานทุกคน ทุกวันเพื่อเป็นฐานทะเบียนข้อมูลสำหรับเช็คไทม์ไลน์ความเสี่ยงของพนักงาน

8.พนักงานในร้านทุกคนต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา

9.เข้มงวดพนักงานหลังร้านให้สวมหน้ากากตลอดเวลา


ขอเรียนให้ทราบว่า แม้บางข้อหากปฏิบัติตามก็เป็นอุปสรรคในการประกอบกรณีร้านขนาดเช่น ร้านเล็กพื้นที่จำกัดจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารก็พร้อมปฏิบัติเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติโดยเร็ว และจะขอเรียนให้ท่านทราบว่า ร้านอาหารส่วนใหญ่ได้มีมาตรการป้องกันเข้มงวดด้านสาธารณสุขอย่างดีมากกว่า 9 ข้อนี้อยู่แล้ว


จึงมั่นใจได้ว่า หากอนุญาตให้ร้านอาหารเปิดนั่งรับประทานในร้านได้จะไม่เป็นสถานที่แพร่ระบาด หรือ คลัสเตอร์อย่างแน่นอน ยิ่งหากผู้ประกอบการและบุคคลากรของร้านได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วด้วยแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นได้มากขึ้น ดังนั้นจึงขอความเมตตามายังท่านให้พิจารณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามารถเปิดนั่งรับประทานในร้านได้ทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 14 วันของมาตรการข้อบังคับที่ใช้ล่าสุด เพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจร้านอาหารได้ไปต่อ


จึงขอเรียนมาให้ท่านได้ทราบว่า ความห่วงใยที่ท่านนายกฯ มีต่อภาคธุรกิจร้านอาหารในบางเรื่องสำคัญยังไม่ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมและโดยเร็ว ซึ่งหากปล่อยไว้ หรือรอแก้ไขปัญหาเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้วอาจไม่ทันการณ์และเมื่อถึงเวลานั้น อาจต้องใช้งบประมาณมากมายในการฟื้นฟู แต่หากช่วยให้ร้านอาหารได้ดำเนินกิจการเป็นปกติได้ทันทีเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 14 วัน ธุรกิจนี้ก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูได้ด้วยตัวเองต่อไป


ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/5-FfZqQCb5U

คุณอาจสนใจ

Related News