สั่งย้ายตำรวจ สน.ทองหล่อ ปมปล่อยปละละเลยสถานบันเทิง 2 แห่ง

ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ และ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาล ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และให้พ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 รักษาราชการ แทน ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ และพ.ต.ท.ธนาธิป ชมภูนิช สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อ รักษาราชการแทน รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อแทน

ซึ่งคำสั่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าแตกต่างจากคำสั่งปกติทั่วไปที่ย้าย 5 เสือของโรงพัก และยังย้ายจาก สวป.โรงพักเดียวกัน ไปรักษาราชการแทนรองผกก.ป. อีกด้วย และจากประวัติของพ.ต.อ.ดวงโชติ พบว่าจบนักเรียนนายร้อยรุ่น 55 เป็นบุตรเขยของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำให้ พ.ต.อ.ดวงโชติยิ่งถูกจับตามองว่า ได้รับความไว้วางใจโยกย้ายจากผกก.สน.บางรัก ให้มาเป็นผกก.สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นที่ทราบดีในวงตำรวจว่าเป็นสน.เกรดเอ

หลังคำสั่งย้ายดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เปิดเผยว่า การย้านครั้งนี้ เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ตั้งขึ้น เพื่อหาที่มาที่ไปว่ามีตำรวจไปมีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนอำนวยความสะดวกลูกค้า หรือปล่อยปละละเลยการออกตรวจตราจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นหรือไม่

ส่วนที่สังคมจับตามองว่า ทำไมตำรวจจึงดำเนินคดีกับผู้จัดการร้านโดยไม่สาวไปให้ถึงเจ้าของ สถานบันเทิงทั้งสองแห่ง คือ คริสตัลคลับ และดิเอมเมอรัลด์คลับ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ต้องรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับเจ้าของต่อไปอย่างแน่นอน

ในประเด็นที่ยังไม่มีการดำเนินคดีกับเจ้าของนี่เอง ทำให้สังคมพยายามสืบค้นว่า เจ้าของตัวจริงเป็นใครกันแน่ ถ้ากล่าวถึงเจ้าของในทางกฎหมาย และตามเอกสารหลักฐานที่จดทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ เจ้าของก็คือนายเกียรติพงษ์ คำต่าย อายุ 40ปี

ซึ่งเคยเป็นผู้จัดการร้านอาหารญี่ปุ่น และผับอีกหลายแห่งย่านทองหล่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า นายเกียรติพงษ์ คือเจ้าของตัวจริง หรือ เป็นเพียงนอมินี

เพราะ ข้อมูลในเชิงลึก ระบุว่า เงินหลายร้อยล้านที่นำมาลงทุนในสถานบันเทิงทั้งสองแห่ง มาจากกลุ่มทุนใหญ่ที่ลงขันกัน โดยมีตำรวจอย่างน้อย 2 คน ร่วมหุ้นในทั้งสองกิจการ คนหนึ่ง ยศพลตำรวจตรี อีกคนยศพลตำรวจเอก ซึ่งล่าสุดทีมข่าว 3 มิติ พยายามตรวจสอบข้อมูลไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ได้มีการสอบสวนในประเด็นนี้หรือไม่ พบว่า จนถึงขณะนี้