สภาวิศกร เรียกร้องถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้บ้านถล่ม เพื่อลดความสูญเสียในอนาคต

วันที่ 5 เมษายน 2564 ความคืบหน้ากรณีอาคารถล่มจากเหตุเพลิงไหม้ในหมู่บ้านกฤษฎานคร 31 โดยสภาวิศกรได้เรียกร้องให้มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่จากงานโยธาสำนักงานเขตทวีวัฒนาได้เข้าตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่เพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่จากงานโยธา สำนักงานเขตทวีวัฒนา นำป้ายอันตรายเข้าล้อมพื้นที่อาคารถล่มในหมู่บ้านกฤษฎานคร 31 อีกครั้ง พร้อมเข้าตรวจสอบความปลอดภัยเบื้องต้น เพื่อวางแผนการรื้อถอนซากอาคาร โดยกันพื้นที่ส่วนที่คาดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประกายไฟ ก่อนให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร ระบุว่า ปัจจัยที่สามารถนำมาใช้ประเมินหาสาเหตุการถล่มของอาคาร ประกอบด้วย 4 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1.การออกแบบต้องได้มาตรฐาน 2. การก่อสร้างต้องเป็นไปตามแบบ 3. การใช้งานผิดวัตถุประสงค์การยื่นก่อสร้างหรือไม่ และ 4.ปัจจัยเร่งปฏิกิริยาอื่น ๆ ซึ่งจะต้องนำข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาใช้ประกอบการพิจารณา

เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น เพราะในปี 2548 เคยมีเหตุเพลิงไหม้อาคาร 5 ชั้นย่านวัดดวงแข จนถล่มลงมาทับอาสาสมัครเสียชีวิต รวม 10 ศพ ซึ่งพบว่ามีการต่อเติมอาคารเกิดขึ้น การถอดบทเรียนจากเหตุการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างมาตรฐานการบรรเทาเหตุสาธารณภัยให้เป็นบรรทัดฐานได้

ขณะเดียวกันหน่วยงานราชการสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้สร้างระบบปฏิบัติการจากฐานข้อมูลร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีการยื่นขออนุมัติแบบก่อสร้างผ่านไฟล์อิเล็กทรอนิกส์กันแล้ว

ล่าสุด ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตทวีวัฒนา ยืนยันว่าอาคารหลังนี้มีการยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างและมีวิศวกรควบคุมงานอย่างถูกต้องในปี 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพักอาศัย และพบเอกสารการยื่นขอก่อสร้างดัดแปลงเพิ่มเติมอีกครั้งในช่วงปี 2554 แต่ยังไม่มีการกล่าวถึงแบบแปลนโครงสร้างของอาคาร ซึ่งจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการตอบคำถามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุของอาคารถล่มในครั้งนี้ ทั้งที่เกิดเพลิงไหม้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง