ยกระดับมาตรการคุมโควิด พื้นที่แม่สอด - สมุทรสาครปูพรมตรวจหาภูมิคุ้มกัน กลุ่มผลตรวจเป็นลบ

สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 13 ก.พ. ประเทศไทยยอดยังคงลดลงต่อเนื่อง พบผู้ติดเชื้อ 126 คน ส่วนใหญ่มาจากการค้นหาเชิงรุก พบมากสุดที่ จ.ตาก ขณะที่การตรวจคัดกรองกลุ่มตลาดที่ปทุมธานี พบเพิ่มเป็น 126 คนแล้ว 

ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 126 คน แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 116 คน ผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 10 คน สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อในประเทศ 116 คน เป็นกลุ่มไปสถานที่เสี่ยงและสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 37 คน ใน 3 จังหวัด ได้แก่ กทม. 7 คน สมุทรสาคร 29 คน และเพชรบุรี 1 คน กลุ่มตรวจคัดกรองเชิงรุก 79 คน 

ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้อยู่ที่ 24,405 คน รักษาหายเพิ่มวันนี้อีก 970 คน ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3,145 คน

ส่วนที่จังหวัดตาก ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ออกคำสั่งยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่ อ.แม่สอด หลังวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 52 คน มีทั้งคนไทยและชาวเมียนมา จึงสั่งงดการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน และสถาบันการศึกษาทุกประเภท รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กในพื้นที่ อ.แม่สอด ทั้งหมด ระหว่างวันที่ 15- 21 ก.พ.นี้ 

ที่ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ประชุมเปิดศูนย์บัญชาการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19ในพื้นที่ตลาดพรพัฒน์ และตลาดสุชาติ ที่ผู้ว่าฯปทุมธานีสั่งปิดหลังพบการติดเชื้อ จนถึงวันนี้ตรวจไปแล้ว 800 คน จาก 3,800 คน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 126 คน ยังคงตรวจเพิ่มที่เหลืออีกประมาณ 3,000 คน 

ส่วนที่สมุทรสาคร มีการปูพรมตรวจหาภูมิคุ้มกัน 8,000 รายต่อวัน ซึ่งทางจังหวัด จะเริ่มตรวจหาแอนติบอดี้ หรือที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันส่วนตัว ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ กับบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม Bubble & Seal ที่เคยตรวจหาเชื้อแล้วผลเป็นลบหรือไม่พบเชื้อ โดยจะตรวจประมาณวันละ 8,000 รายขึ้นไป มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ราว ๆ 40,000 คน แต่ละคนจะต้องตรวจซ้ำ 2 ครั้ง มีระยะเวลาในการดำเนินการ 2 สัปดาห์

นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร อธิบายถึงเหตุผลในการตรวจหาภูมิคุ้มกัน เพื่อการศึกษาและวิจัยลักษณะการเกิดภูมิคุ้มกันของโรค รวมถึงวิเคราะห์ระยะเวลาหรืออายุของภูมิคุ้มกัน และอาจนำไปสู่มาตรการที่จะผ่อนคลายมากขึ้นในสมุทรสาคร โดยการตรวจหาภูมิคุ้มกันนี้จะใช้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่ม Bubble & Seal ซึ่งเคยตรวจหาเชื้อแล้วผลเป็นลบหรือไม่พบเชื้อเท่านั้น ส่วนประชาชนทั่วไป ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง และไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย ไม่มีความจำเป็นจะต้องตรวจหาภูมิคุ้มกันนี้